“ การทำธุรกิจไม่ได้ใช้แค่ความรู้ แต่ยังต้องอาศัยความกล้า ความอดทน และหัวใจที่แข็งแกร่ง ถึงจะฟันฝ่าอุปสรรคไปได้…”
“ผมเคยตั้งคำถามว่า ทำไมถึงเรียนวิศวฯ จุฬาฯ เพราะอยากเป็นผู้สร้าง อยากทำให้เกิดสิ่งที่เราฝันในเชิงของเทคโนโลยี ในเชิงของกิจการ โดยใช้ความรู้ทางวิศวกรรรมมาสร้างองค์กร และคนที่อยู่กับเราได้เจริญก้าวหน้าต่อไปได้ นั่นคือสาเหตุหลัก ๆ ที่ตัดสินใจเรียนวิศวฯ เพราะความฝันการเป็นผู้สร้างมีมาตั้งแต่สมัยเด็ก พอเรียนจบมีโอกาสก็ไปสร้างโรงงาน เป็นนักพัฒนา เป็นมืออาชีพ เป็นนักอุตสาหกรรม จนกระทั่งรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่จะเดินตามความฝันที่เราได้เคยฝันมานาน จึงตัดสินใจลาออกมาตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง”
กองบรรณาธิการมีโอกาสเข้าร่วมพูดคุยกับ คุณอดิศักดิ์ เหล่าจันทร์ วศ.22 ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคมีแมน จำกัด (มหาชน) ที่ได้ริเริ่มเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาจากความฝันของการเป็นผู้สร้าง
จุดเริ่มต้นของการก่อตั้งบริษัท เคมีแมน จำกัด (มหาชน)
บริษัท เคมีแมน จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2546 หลังจากตัวผมเองได้ลาออกจากการเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีต่อเนื่องรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบสำคัญในกระบวนการผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งการอุปโภคและบริโภค เช่น ทองคำ ทองแดง สังกะสี อะลูมิเนียม นิกเกิล ลิเทียม เหล็กและเหล็กกล้า กระดาษ นํ้าตาล พลาสติกชีวภาพ
“ก่อนที่จะได้จัดตั้งบริษัทฯ ผมมีโอกาสได้ไปช่วยพี่ ๆ น้อง ๆ ในการฟื้นฟูธุรกิจซึ่งตอนนั้นเจอวิกฤตต้มยำกุ้ง พ.ศ. 2540 ผมได้ลองศึกษาและมีความคิดว่าธุรกิจนี้เหมาะกับเราจริง ๆ จึงตัดสินใจเรียกพี่ ๆ น้อง ๆ มาปรึกษาและวางแผนการดำเนินธุรกิจ และตัดสินใจ Takeover โรงงานที่อำเภอพระพุทธบาท ที่เป็นโรงงานแห่งแรกของบริษัทฯ”
แนวทางบริหารจัดการธุรกิจให้ติด TOP10 ของโลก
ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีต่อเนื่องรายใหญ่ที่สุดในไทยและในอาเซียน เป็น 1 ใน 10 ของโลก มีแนวทางในการพัฒนาธุรกิจ คือ ต้องศึกษาหาความรู้ในแนวทางของธุรกิจที่เราทำอยู่ ซึ่งของเรามีทั้งเหมือง ทั้งโรงงาน รวมทั้งยังสร้างโรงงานและเหมืองในต่างประเทศ ลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรม กว่าจะมาถึงแต่ละจุดเราต้องตั้งใจต่อสู้กับปัญหาให้ได้ และต้องกล้าที่จะออกไปเจอทุกคนที่คิดว่ามีส่วนช่วยทำธุรกิจได้ มีสปิริตของนักสู้ ใช้ความใฝ่รู้ ถ้ามีความกล้าเดินทางจะทำให้รู้มากขึ้น กล้ามากขึ้น “ภาษาของ Engineering เรียกว่า Momentum ที่จะพาเราเดินไปในแต่ละครั้งทำให้เรามั่นใจขึ้นเรื่อย ๆ”
หลังจากที่เคมีแมนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อ CMAN เมื่อต้น พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา เพื่อระดมเงินทุนมาใช้ขยายกิจการของบริษัท เรามีความยินดีที่จะเรียนแจ้งว่า บริษัทได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้น 80% ของบริษัท Ha Long QN Lime Company Limited ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศเวียดนาม และมีเหมืองแร่หินปูนเคมีที่อุดมสมบูรณ์มาก บวกกับโรงงานแก่งคอยที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งสามารถรองรับการขยายเพิ่มเติม ทำให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1,000,000 ตันต่อปี ได้เร็วกว่ากำหนดเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้
หลังจากเข้าซื้อกิจการดังกล่าวข้างต้น เคมีแมนจะเดินหน้าต่อเนื่องเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและจำหน่ายผ่านฐานการผลิตหลักใน 3 ประเทศ ได้แก่
- ประเทศไทย บริษัทมีโรงงานแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เป็นฐานการผลิตขนาดใหญ่และมีเหมืองทับกวางตั้งอยู่ในทำเลใกล้เคียงเป็นเหมืองแร่หินปูนเคมีคุณภาพสูงที่สามารถป้อนวัตถุดิบเข้ากระบวนการผลิตได้อย่างน้อย 50-60 ปี โรงงานแก่งคอยมีความพร้อมในด้านการแข่งขันสูงและสามารถรองรับการเติบโตได้อีกในอนาคต ปัจจุบันผลิตปูนไลม์ได้มากกว่า 500,000 ตันต่อปี และเมื่อรวมกับโรงงานพระพุทธบาทและโรงงานระยอง ทำให้มีกำลังการผลิตรวมถึง 800,000 ตันต่อปี นอกจากจะขยายกำลังการผลิตที่โรงงานแก่งคอยแล้ว บริษัทยังมีแผนเข้าซื้อกิจการโรงงานผลิตปูนไลม์เพิ่มอีก 1 แห่ง ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตรวมที่ประเทศไทยเพิ่มเป็นกว่า 1,000,000 ตันต่อปี ใน พ.ศ. 2568
- ประเทศเวียดนาม บริษัทมีเหมืองแร่หินปูนและโรงงานผลิตปูนไลม์ในพื้นที่ฮาลอง จังหวัดกว๋างนิญ (Quang Ninh) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ จากการเข้าซื้อกิจการเพื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ปัจจุบันโรงงานมีกำลังการผลิตประมาณ 200,000 ตันต่อปี และวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตเป็นมากกว่า 500,000 ตันต่อปี ภายใน พ.ศ. 2568 โรงงานดังกล่าวอยู่ใกล้ท่าเรือนํ้าลึก ซึ่งเป็นทำเลที่เอื้อประโยชน์ในด้านการส่งออกเป็นอย่างมาก สามารถประหยัดต้นทุนและเวลาในการขนส่งไปยังตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน
- ประเทศอินเดีย บริษัทมีโรงงานผลิต 2 แห่ง ซึ่งล้วนอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ คือ ติดท่าเรือนํ้าลึก โรงงานแรกอยู่ติดท่าเรือ Tuticorin ทางภาคใต้ของประเทศ เปิดดำเนินการไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อีกแห่งอยู่ที่เมือง Visakhapatnam อยู่ติดท่าเรือฝั่งตะวันออก กำลังการผลิตรวมประมาณ 150,000 ตันต่อปี บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตรวมเกิน 400,000 ตันต่อปี ภายใน พ.ศ. 2568
นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าขยายการผลิตในประเทศอื่น ๆ อีกกว่า 100,000 ตันต่อปี ส่งผลให้มีกำลังการผลิตรวมเป็น 2,000,000 ตันต่อปี ภายใน พ.ศ. 2568
ในส่วนของการส่งออกไปยังต่างประเทศ ธุรกิจแรก ๆ ที่ได้มีการส่งออกไปคือโรงงานผลิตทองคำ โรงงานผลิตอะลูมิเนียม ทองแดง สังกะสี นิกเกิล ลิเทียม แบตเตอรี่ รวมถึงเหล็กและเหล็กกล้า ส่วนที่ญี่ปุ่นและเกาหลีจะเป็นพวกแร่สังเคราะห์ที่ใช้ทำกระดาษ ทำซีแลนด์ ไฟเบอร์กลาส ทำกังหันลมไฟฟ้า และกระจายไปหลายภาคอุตสาหกรรม หลายประเทศ
ก้าวเป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีอย่างต่อเนื่อง
เราโชคดีที่มีกระดุมเม็ดแรกที่ดี เพราะที่นี่ถือว่าเป็นเทือกเขาหินปูนที่สำคัญของประเทศไทย เทือกเขาหินปูนมีหลายเกรด ของเราจะเป็นเกรดเคมีคุณภาพสูง และหายากมาก ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับพีระมิด ของเราจะอยู่บนยอดพีระมิด ต้องมีคุณภาพระดับแคลเซียมต้อง 97-98% จึงจะสามารถทำเคมีได้ และต้องเป็นปริมาณที่มากพอเท่านั้นถึงจะคุ้มค่า ซึ่งของเราอยู่ในระดับ 100 ล้านตันขึ้นไป
ผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 ประเภทของบริษัทฯ เป็นผลิตภัณฑ์เคมีพื้นฐานที่สำคัญสำหรับใช้เป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ กล่าวได้ว่าปูนไลม์หรือแร่หินปูนนั้นเป็นส่วนประกอบของสิ่งของหลากหลายประเภทที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่พักอาศัย ซึ่งประกอบด้วยคอนกรีต เหล็ก กระจกไฟ สายไฟ อาหารที่เรารับประทาน เช่น นํ้าตาล สารปรุงแต่งอาหาร ภาชนะบางประเภทที่เราใช้กัน เช่น แก้วกาแฟที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ หรือกระดาษและเครื่องเขียนต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ปูนไลม์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการผลิตทั้งสิ้น
นโยบายการบริหารจัดการเหมืองให้อยู่ร่วมกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม
อย่าลืมว่าประทานบัตรกว่าจะได้มาก็ต่อเมื่อต้องผ่านประชาพิจารณ์ หมายความว่าเราต้องมีการยอมรับจากชุมชนข้างเคียงและพื้นที่ในการดำเนินการของเรา ไม่ว่าจะเป็นเหมืองหรือโรงงาน เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะได้สิ่งเหล่านี้มาเราเองก็ต้องทำให้ทุกคนในชุมชนยอมรับเรา โดยการนำความเจริญเข้ามาสู่พื้นที่ นำงานเข้ามา นำงบประมาณต่าง ๆ มาช่วยชุมชน ขณะเดียวกันชุมชนก็อนุญาตให้เรามาทำงานกิจกรรมอุตสาหกรรม เป็นเรื่องที่ต้องจับมือกันทำร่วมกัน “ดังนั้นแล้วมิติของการทำงานแบบยั่งยืน อยู่ในหัวใจพวกเราอยู่แล้ว…”
เรามีปฏิทินกิจกรรมร่วมกันกับชุมชน ให้ความช่วยเหลือสังคมท้องถิ่นแถวนี้ในทุกมิติ ซึ่งเราไม่ได้ใช้เงินเพียงอย่างเดียว แต่เราใช้ความจริงใจทำงานร่วมกันในการพัฒนาชุมชนบริเวณนี้ การร่วมพัฒนาชุมชนหรือสังคม บริษัทฯ ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม จึงให้ความช่วยเหลือและพัฒนาชุมชนและสังคมในหลาย ๆ ช่องทาง เช่น การสนับสนุนการศึกษาแก่เยาวชนโดยการบริจาคอุปกรณ์การเรียนและให้ทุนการศึกษา การให้ทุนสนับสนุนองค์กรสาธารณะต่าง ๆ เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนทั่วไป เช่น เงินสนับสนุนแก่สถานีตำรวจเพื่อปรับปรุงอุปกรณ์ในการให้บริการประชาชน เงินสนับสนุนแก่โรงพยาบาลเพื่อปรับปรุงเครื่องมือเครื่องใช้ รวมไปถึงการให้เงินสนับสนุนแก่กิจกรรมทางศาสนา และร่วมกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย
เราอยู่ในภาคอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสูงมากและถูกต้องตามมาตรฐาน จนกลายเป็นเป้าหมายการทัศนศึกษาของหลาย ๆ ท่าน แม้แต่ภาควิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็จะมาเยี่ยมชม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพื้นที่ของเราต้องมีดีในทุกมิติ ไม่ใช่มีเพียงเทคโนโลยีที่ทำให้ผลผลิตดี ทำให้สะอาด ปลอดภัย ไม่อย่างนั้นจะเป็นตัวอย่างที่ดีไม่ได้เช่นทุกวันนี้
และในส่วนของโรงงาน ซึ่งมีการทำงานเกี่ยวกับอุณหภูมิเป็น 1,000°C มีการผลิตตลอด 24 ชั่วโมง และตลอด 365 วัน จะต้องมีการออกแบบที่จะทำให้มีประสิทธิภาพ ให้ความปลอดภัย หรือส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด เพราะฉะนั้นจึงมีการใช้เทคโนโลยีล้วน ๆ ถ้าพูดจริง ๆ เราก็เป็นเหมือน Technology Company ที่มีการทำงานร่วมกับวิศวกรจำนวนมากควบคู่ไปกับ Technology
เรามีวิศวกรเก่ง ๆ จากคณะวิศวฯ จุฬาฯ และสถาบันอื่น ๆ เกือบ 100 คน จึงเกิดนวัตกรรมมากมาย ซึ่งเกิดจากความที่ต้องแข่งขันให้ได้ในระดับโลก ไม่ว่าในเชิง Productivity, Sustain- ability เพราะว่าลูกค้าระดับโลกมองที่สินค้าคุณภาพดี ราคาแข่งขันได้ ตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องความปลอดภัย สามารถตอบโจทย์โลกได้ไม่ใช่แค่เพียงตอบโจทย์บริษัทเพียงอย่างเดียว ดังนั้นแล้วเรื่องพวกนี้ก็สำคัญมากและต้องทำควบคู่ไปกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์
“ บริษัท เคมีแมน ณ เหมืองทับกวาง ผมกล้าประกาศว่า เป็นบริษัทฯ ต้นแบบของเมืองไทยแห่งหนึ่งที่ดูแลในทุกมิติ…”
เหมืองทับกวางมีพนักงาน 200-300 คน และมีการทำงานเป็นกะ จึงทำให้เห็นว่าไม่ค่อยมีพนักงานเท่าไหร่ และเรามีการใช้เทคโนโลยีเป็นหลักในการทำงาน เช่น Engineering Intensive และ Technology Intensive ในอนาคตอันไม่ไกลนี้จะมีโรงงานที่มี Innovation ระดับสูงของโลกมาตั้งอยู่ในบริเวณแห่งนี้ กำลังมีการเจรจาอยู่ จะเป็นโรงงานเกี่ยวกับการผลิตยา ผลิตอาหาร หรือนำไปใช้ทำเครื่องสำอาง ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มี ที่แห่งนี้ จะเป็นที่แรกของประเทศไทย ด้วยความภูมิใจนำเสนอ…
พื้นที่บริเวณในเหมืองและรอบเหมืองเองมีพื้นที่สีเขียวเยอะมาก เนื่องจากว่าบริษัทฯ เรามีการปลูกต้นไม้เป็นประจำทุกเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นวันขึ้นปีใหม่ วันเกิดบริษัท เพื่อสร้างความร่มรื่นให้แก่บริษัทและสร้าง Working Space ให้แก่บุคลากรในบริษัทอีกด้วย
การมีสิ่งแวดล้อม การมีภาวะในการทำงานที่ดี มีออฟฟิศที่ดี มีที่พักของพนักงานที่ดี มีที่ให้ออกกำลังกาย มองไปรอบ ๆ มีพื้นที่สีเขียวที่ดีให้แก่พนักงาน เรื่องนี้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญไปแล้ว Work-life Balance การทำงานนั้นก็ต้องควบคู่ไปกับความสนุก
และยังมีการทำเรื่องของ Solar Farm น่าจะเสร็จประมาณต้น พ.ศ. 2566 อยู่ที่ 5 MW ก็จะไปตอบโจทย์เรื่องของ Sustainability และก็มีการทำเกี่ยวกับ EV Truck สนับสนุนเรื่องของ Zero Carbon ในหลากหลายมิติมาก ๆ ทุกอย่างจะเดินไปตามแผนนั้นหมด บางอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก อย่างตัว Solar Farm อีกไม่กี่เดือนก็จะมีขึ้นแล้ว เชื่อว่า EV Truck ก็จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่เดือนนี้อย่างแน่นอน และคิดว่าจะใช้แทนรถดีเซลไปเลย
ตอนที่เราตั้งบริษัทฯ เราฝันที่จะทำเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ ซึ่งอาจจะยังไม่เอื้ออำนวยในช่วง 5-10 ปีแรก เพราะเรายังไม่แข็งแรง ถ้าเปรียบเทียบเรากับต้นไม้ เราเป็นรากแก้วที่ยังไม่แข็งแรง เลยไม่สามารถแตกยอดออกกิ่งได้
ผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์โควิด-19เคมีแมนผ่านพ้นมาได้อย่างไร
เมื่อช่วงต้น พ.ศ. 2562 ได้มีการตัดสินใจลงทุน 1,000 ล้านบาท ที่ประเทศเวียดนาม 3 เดือนก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจที่เวียดนามจึงไม่เป็นไปตามแผน ลูกค้าปิดโรงงาน Supply Chain มีปัญหา รวมถึง Container ไม่มีท่าเรือขึ้น และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย
ที่เหมืองทับกวางเองก็เช่นกัน โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 500,000 ตันต่อปี แต่ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาผลิตได้เพียง 250,000 ตันเท่านั้น เราต้องปิดเตา 1 เครื่อง เพราะลูกค้าต่างประเทศเราปิด เกิดการขาดทุนจำนวน 100 ล้านบาท ในช่วงที่กระทบเรารู้ว่า พอลูกค้าเราฟื้นตัวขึ้นมาเราจะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะได้เดินหน้าได้อย่างเต็มที่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ในช่วงที่ปิดเราก็มีการปรับปรุงโรงงาน ปรับปรุงการผลิต ทำทุกอย่างให้พร้อม เพื่อรองรับการกลับมาของลูกค้า
และที่สำคัญเราได้ลูกค้าอันดับ 1 ของโลก ซึ่งผลิตอะลูมิเนียมอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เขาให้เราสร้างศูนย์จำหน่ายสินค้าที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีการลงทุนเกือบ 1,000 ล้านบาท เราก็ทำกลางสถานการณ์โควิด-19 เลยทันที
สิ่งที่อยากฝากถึงชาวอินทาเนีย
เราจะต้องเป็นผู้รู้ในเชิงวิศวกรรมที่ดี เป็นผู้สร้างที่ดี สร้างแต่เรื่องดี ๆ กล้าที่จะเดินทางออกไปหาเป้าหมาย ระหว่างทางเรียนรู้จากสิ่งใหม่ ๆ ที่รอเราอยู่ พร้อมที่จะปรับ เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นไม่มีใครรู้ทุกอย่าง 100% แต่ต้องเรียนรู้ไปตลอดทางและมีความมุ่งมั่นที่จะไปต่อ ไม่มีการเดินทางที่พร้อม 100% เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างทางนั้นคือประสบการณ์ชั้นเยี่ยมที่จะเป็นบทเรียนให้แก่ชีวิตเรา
อยากจะฝากเรื่องพวกนี้ไว้ เราต้องกล้าที่จะออกไปหาแนวทาง เป้าหมาย ที่เรามั่นใจว่าดี เรียนรู้จากสิ่งที่รอเราอยู่เพื่อทำให้การเดินทางต่อไปนั้นดีขึ้น เสียสละเพื่อสังคม มีความภูมิใจเป็นแรงผลักดัน สังคมที่เดินไปกับเรานั้นจะต้องดีขึ้น นั่นคือพลังมหาศาล
พร้อมกันนี้ทางบริษัทฯ ได้มีการสนับสนุนหลาย ๆ อย่างให้แก่ คณะวิศวฯ จุฬาฯ เกี่ยวกับนวัตกรรมต่าง ๆ เพราะเราเชื่อว่าองค์ความรู้ที่ทางจุฬาฯ มี หากมีองค์กรเอกชนเข้าไปสนับสนุนจะทำให้องค์ความรู้เหล่านั้นไปสู่สาธารณะได้ สามารถนำไปช่วยพัฒนา สร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้…
ที่มา: อินทาเนีย ฉบับที่ 2 ปี พ.ศ. 2565 คอลัมน์ สัมภาษณ์พิเศษ โดย กองบรรณาธิการ