อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมพัฒนา DeepGI นวัตกรรม AI ใช้ในการส่องกล้องลำไส้ใหญ่และระบบทางเดินอาหาร เพื่อตรวจมะเร็งได้ผลแม่นยำ ใช้งานจริงแล้วที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ผลงานสร้างชื่อเป็นที่ยอมรับจากต่างชาติในการประชุมของแพทย์ส่องกล้องระบบทางเดินอาหารนานาชาติ ENDO 2024 ที่ประเทศเกาหลีใต้
ศ. นพ.รังสรรค์ ฤกษ์นิมิตร รักษาการผู้ช่วยอธิการบดี ด้านนวัตกรรม จุฬาฯ อาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่องกล้องระบบทางเดินอาหารจากศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า จากการประชุมของแพทย์ส่องกล้องระบบทางเดินอาหารนานาชาติ ENDO 2024 เมื่อเร็วๆ นี้ที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจัดโดย The World Endoscopy Organization (WEO) ร่วมด้วย The Korean Society of Gastrointestinal Endoscopy (KSGE) มีผู้เข้าร่วมประชุม 3,200 คน โดยมีการถ่ายทอดสัญญาณสดจากโรงพยาบาลต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เข้าประชุมได้รับชมการส่องกล้องในระบบทางเดินอาหาร
สาขาวิชาโรคระบบทางเดินอาหาร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 3 ของศูนย์ส่องกล้องจากทั่วโลกให้ทำการส่องกล้องแบบ Live Transmission ไปยังผู้เข้าร่วมประชุม ENDO 2024 โดยได้นำเสนอการส่องกล้องในผู้ป่วย 4 ราย ซึ่ง 1 ใน 4 รายเป็นการนำเสนอการส่องกล้องโดยการใช้เทคโนโลยี DeepGI ที่เป็นปัญญาประดิษฐ์โดยความร่วมมือของคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อช่วยแพทย์ในการตรวจหาเยื่อบุกระเพาะอาหารที่ผิดปกติก่อนเป็นมะเร็ง
ศ. นพ.รังสรรค์ กล่าวว่า การส่องกล้องด้วยเทคโนโลยี DeepGI จากสาขาวิชาโรคระบบทางเดินอาหาร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้ชมในการประชุม ENDO 2024 มีผู้ร่วมงานสนใจจะร่วมทำงานวิจัยกับทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนานวัตกรรมนี้ให้เกิดการต่อยอดในต่างประเทศด้วย ซึ่งปัจจุบันมีประเทศอินเดียและอิตาลีให้ความสนใจเทคโนโลยีดังกล่าว
AI ตรวจจับความผิดปกติในทางเดินอาหาร (DeepGI – Deep Technology for Gastrointestinal Tracts) เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นโดย รศ. ดร.พีรพล เวทีกูล และ ผศ. ดร.ณัฐวุฒิ หนูไพโรจน์ จากภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ ศ. นพ.รังสรรค์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และทีมวิจัยจากศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท อีเอสเอ็ม โซลูชั่น จำกัด ในการร่วมสนับสนุนนวัตกรรม และเป็นตัวแทนจำหน่าย DeepGI ซึ่งปัจจุบันได้ให้บริการตรวจคนไข้ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และทดสอบใช้งานในโรงพยาบาลหลายแห่ง
ปัจจุบันวิธีมาตรฐานที่ใช้ในการตรวจหาความผิดปกติต่าง ๆ คือการส่องกล้องผ่านช่องทวารหนัก (ตรวจลำไส้ใหญ่) หรือระบบทางเดินอาหารส่วนปลาย ซึ่งการตรวจจับความผิดปกติค่อนข้างมีความท้าทายมาก เนื่องจากลักษณะของติ่งเนื้อมีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น แบบที่นูน และแบบที่แบนราบไปกับผนังลำไส้ อีกทั้งอาจจะมีขนาดที่เล็ก และสีที่กลมกลืนไปกับบริเวณโดยรอบ จึงทำให้การตรวจวินิจฉัยผิดพลาดได้ง่ายหากแพทย์ขาดประสบการณ์หรืออุปกรณ์การแพทย์ไม่ครบเครื่อง จากสถิติพบว่าการตรวจอาจผิดพลาดได้ถึงร้อยละ 22
นวัตกรรม AI ตรวจจับความผิดปกติในทางเดินอาหาร DeepGI มีจุดเด่น 4 ประการ ได้แก่
- Deep Technology เทคโนโลยีขั้นสูงของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เรียกว่าการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) มาช่วยตรวจจับ (Detection) พร้อมแยกประเภทชิ้นเนื้อผิดปกติ (Characterization) แบบ Real-time ด้วยความแม่นยำสูงสุด
- Vendor Unlock รองรับกล้องส่องทางเดินอาหารทุกแบรนด์และทุกรุ่น
- Extensible Future ต่อยอดได้อีกในอนาคตเพื่อตรวจหาชิ้นเนื้อผิดปกติตามจุดอื่น ๆ ภายในร่างกาย เช่น ท่อน้ำดี และกระเพาะอาหาร
- Affordable ราคาต่ำกว่าระบบอื่นในตลาด ซึ่งโรงพยาบาลหรือหน่วยงานราชการต่าง ๆ สามารถเข้าถึงได้ เพิ่มศักยภาพการตรวจ ขยายผลสู่แพทย์ชนบท
รศ. ดร.พีรพล เวทีกูล ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่าปัจจุบัน DeepGI ได้ขยายขีดความสามารถรองรับการตรวจจับความผิดปกติในกระเพาะอาหาร ที่เรียกว่า Gastrointestinal Metaplasia (GIM) ซึ่งเป็นระยะเริ่มแรกของการเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร โดยมะเร็งชนิดนี้เป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบได้บ่อยและมีอัตราการเกิดมากขึ้น สืบเนื่องจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร นวัตกรรมนี้จะช่วยให้ทีมแพทย์ (AI-Assisted Solution) สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และลดความผิดพลาด เนื่องจาก DeepGI จะประมวลวิเคราะห์ภาพที่ได้จากวิดีโอระหว่างการส่องกล้อง แล้ววิเคราะห์ความผิดปกติด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยใช้เทคนิคเครื่องจักรเรียนรู้ที่เรียกว่า การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ซึ่งโมเดลจะตีกรอบบริเวณที่มีความผิดปกติ แล้วแจ้งเตือนให้แก่แพทย์แบบทันที (Real-time) โดยมีความแม่นยำมากกว่าร้อยละ 90 พร้อมให้การวินิจฉัย (Characterization) ชนิดของติ่งเนื้อว่าเป็นชิ้นเนื้อที่เป็นอันตราย (Neoplastic) หรือไม่เป็นอันตราย (Hyperplastic) อย่างแม่นยำ ความสามารถด้านนี้จะช่วยเพิ่มให้แพทย์มีความมั่นใจในการวินิจฉัยโรคได้มากขึ้น จากผลการวิจัยพบว่า DeepGI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาติ่งเนื้อถึง 16% การตรวจพบติ่งเนื้อเพิ่มขึ้น 1% และจะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ได้ถึง 3%
ทั้งนี้ “มะเร็งลำไส้ใหญ่” เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับต้น ๆ ในกลุ่มผู้สูงอายุ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้น ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มเสี่ยงของโรคมะเร็งระบบทางเดินอาหาร หากตรวจพบโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้นจะช่วยในการรักษาได้ทันท่วงที ช่วยลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตจากโรคนี้ได้
DeepGI มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีระดับ 5 (Technology Readiness Level 5, TRL5) และทดสอบใช้งานจริงในหลายโรงพยาบาล มีการเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับคู่แข่งในท้องตลาด และสามารถตรวจจับความผิดปกติได้ทั้งในลำไส้ใหญ่และในกระเพาะอาหาร ซึ่งจะทำให้ป้องกันการเกิดมะเร็งในลำไส้ใหญ่และกระเพาะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในอนาคต DeepGI จะมีการขยายขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง เช่น การตรวจหาความผิดปกติในท่อน้ำดี
ผู้สนใจเกี่ยวกับ DeepGI ติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://deepgi.co/ และ https://www.chula.ac.th/highlight/70627/
การเข้ารับบริการด้วยนวัตกรรมระบบตรวจความผิดปกติในทางเดินอาหาร (DeepGI) เพื่อป้องกันโรคมะเร็งทางเดินอาหาร ติดต่อได้ที่ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ ชั้น 10 โซน A โทรศัพท์ 0-2256-4000 ต่อ 81001-2
ขอขอบคุณบทความจาก https://www.chula.ac.th/news/173799/