ปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข วศ.2538 ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรมโยธา รวมถึงบทบาทสำคัญในองค์กรที่เติบโตและประสบความสำเร็จ ด้วยความมุ่งมั่นและทักษะการบริหารที่ได้พิสูจน์แล้วในหลาย ๆ ด้าน เราจะได้เรียนรู้ถึงแนวคิด วิธีการทำงาน และการพัฒนาทีมงานที่สามารถขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนจากประสบการณ์ตรงของ ปิยะดิษฐ์
ชีวิตในรั้ววิศวฯ จุฬาฯ กับประสบการณ์ที่หล่อหลอมความสำเร็จ
การศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยไม่ได้เป็นเพียงช่วงเวลาที่นิสิตได้เรียนรู้ด้านวิชาการเท่านั้น หากยังเป็นพื้นที่สำหรับการพัฒนาตนเองในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกฝังทักษะชีวิต การทำงานเป็นทีม หรือการสร้างความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน สำหรับ ปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข วศ.2538 นิสิตเก่าภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่น 79 ช่วงเวลาที่ศึกษาในมหาวิทยาลัยคือหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต
เริ่มต้นเส้นทางการศึกษาในระดับปริญญาตรีเมื่อ พ.ศ. 2538 หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนอัสสัมชัญ กรุงเทพมหานคร เขาก้าวเข้าสู่รั้วจุฬาฯ พร้อมด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองในหลากหลายด้าน ไม่เพียงแต่ในห้องเรียน หากยังรวมถึงการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างมุมมองใหม่ ๆ และหล่อหลอมให้เขาเติบโตทั้งในฐานะนิสิตและบุคคลที่พร้อมเผชิญกับความท้าทายในอนาคต
ในช่วงเวลาที่ศึกษา ปิยะดิษฐ์ ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมที่หลากหลายและท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นการโต้วาที Freshy การร่วมแสดงละครในนิทรรศ การทำงานชมรม “จุฬาสู่ชุมชน” ที่ช่วยปลูกฝังจิตสำนึกสาธารณะ หรือการออกค่ายเพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคม
นอกจากนี้ ยังได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น การผลิตอัลบั้มเพลงของคณะฯ และการรวมวงดนตรีกับเพื่อน ๆ ใน CU Band ได้นำพาพวกเขาไปแข่งขันที่สมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย ประสบการณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความสุขและมิตรภาพ หากยังช่วยเสริมสร้างทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังคงมีคุณค่าในชีวิตการทำงาน
คำขอบคุณและความทรงจำที่ยั่งยืน
ปิยะดิษฐ์ เล่าถึงช่วงเวลาที่อยู่ในรั้วจุฬาฯ ด้วยความรู้สึกขอบคุณ ทั้งต่ออาจารย์ผู้ให้ความรู้ เพื่อน ๆ ที่ร่วมแบ่งปันความสุขและความท้าทาย รวมถึงโอกาสที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง เขาเชื่อว่าความรู้และบทเรียนจากกิจกรรมเหล่านั้นคือส่วนสำคัญที่ทำให้เขาเติบโตจนถึงทุกวันนี้
“ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยไม่ได้มีเพียงการเรียนในห้อง แต่ยังเป็นพื้นที่ให้เราได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ได้ค้นพบตัวเอง และได้สร้างความทรงจำดี ๆ ที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต” ปิยะดิษฐ์ กล่าว
ช่วงเวลาในรั้วมหาวิทยาลัยจึงเป็นมากกว่าการศึกษา แต่คือการเตรียมความพร้อมให้เราก้าวไปสู่อนาคตด้วยความมั่นใจและศักยภาพที่เต็มเปี่ยม เช่นเดียวกับเรื่องราวของ ปิยะดิษฐ์ ที่ยังคงเป็นแรงบันดาลใจสำหรับนิสิตรุ่นหลังทุกคน
โครงการ Motorway บางปะอิน-โคราช
ผู้นำในวงการวิศวกรรมและการก่อสร้างของประเทศ
รับช่วงต่อธุรกิจครอบครัวจากคุณพ่อและคุณปู่ เป็นธุรกิจก่อสร้าง งานโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ สะพาน เขื่อน สนามบิน บริษัทก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2509 โดยเริ่มทำงานถนนในภาคใต้ และค่อย ๆ เริ่มเติบโตรับงานใหญ่ ๆ มากขึ้น อาทิ สะพานต่างระดับรัชวิภา ทางยกระดับบรมราชชนนี
หลังจากเรียนจบที่คณะวิศว จุฬาฯ ก็ได้ทำงานที่บริษัท Bovis Lend Lease แล้วไปเรียนต่อที่ Stanford University หลังจากนั้นก็ทำงานที่ปรึกษาใน Los Angeles อยู่ 5 ปี แล้วกลับมาช่วยงานที่บริษัทซีวิลฯ ใน ค.ศ. 2006 ซึ่งยังคงมีความท้าทายเรื่องการเงินและการบริหารจัดการ ได้ทำงานและเรียนรู้จากคุณพ่อก่อนที่ท่านจะเสียใน ค.ศ. 2011 ถือเป็นวิกฤตมาก ๆ แต่ก็เป็นโอกาสที่สำคัญที่ต้องประคองและค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนองค์กรในด้านต่าง ๆ ทั้งระบบ คน และกลยุทธ์ในการทำงานที่จะต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่เดิมให้เติบโตต่อไป
บริษัทฯ ได้มีโอกาสทำโครงการดี ๆ และน่าภูมิใจ เช่น ได้ร่วมสร้างโครงการพระราชดำริอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา และสร้างโครงการ Motorway บางปะอิน-โคราช ช่วงเขื่อนลำตะคอง ที่เสร็จก่อนแผนถึง 8 เดือน ถือว่าเป็นการพิสูจน์ว่าเราสามารถผสานองค์ความรู้ทางด้านวิศวกรรมและการจัดการที่ดี ซึ่งเป็นความภูมิใจที่ได้ก่อสร้างและผูกโยงความภูมิใจในการทำงานกับความสำเร็จขององค์กร และเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศด้วย
ได้มีการปรับเปลี่ยนองค์กรจากธุรกิจครอบครัว และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET ใน ค.ศ. 2022 และได้เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ได้รับโอกาสสร้างโครงการระดับประเทศอยู่หลาย ๆ โครงการ อาทิ โครงการทางด่วนพระราม 3 ปรับปรุงสนามบินหัวหิน รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน กรุงเทพฯ-โคราช ช่วง 2-1 สี่คิ้ว-กุดจิก ช่วง 4-7 สระบุรี-แก่งคอย และกำลังจะเซ็นสัญญาช่วง 4-5 บ้านโพ-พระแก้ว ซึ่งขณะนี้ได้ก่อสร้างตอน 2-1 เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฝันของเราคือ การสร้างสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์ โดยทำในสิ่งที่ดีขึ้นด้วยการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งและการนำเอาเทคโนโลยีมาต่อยอดเพื่อยกระดับงานก่อสร้าง และที่สำคัญคือจะทำอย่างไรที่เราจะสามารถส่งต่อโลกที่ดีขึ้นให้แก่คนรุ่นต่อไปได้ นอกจากนี้ ยังพยายามที่จะสร้างคุณค่าผ่านความถนัดที่เรามี ทั้งในด้านงานก่อสร้าง การบริหารจัดการที่ดี และระบบที่ทันสมัย ผ่านฐานทุนที่พร้อมจะสนับสนุนให้เกิดโครงการดีๆ อาทิ การลงทุนในโครงการ Public Private Partnership (PPP) ในอนาคตอีกด้วย
นอกจากงานก่อสร้างแล้ว เรายังมีเติบโตในเรื่องของวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือ เครื่องจักร เป็นไปตาม Sharing Economy และองค์ความรู้ที่เราได้เก็บสะสมระหว่างทาง เปิดเป็น Training Academy ยกระดับวิศวกร โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง และผ่านการรับรองเป็นองค์กรแม่ข่ายในการพัฒนาวิชาชีพวิศวกรของสภาวิศวกรอีกด้วย
กลุ่มบริษัทของเราเป็นหนึ่งในผู้นำด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในประเทศ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเรามุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานที่มีมาตรฐานสูงและส่งมอบงานด้วยคุณภาพที่ยอดเยี่ยม ความปลอดภัยที่เป็นเลิศ และการส่งมอบงานที่ตรงเวลา ความสำเร็จเหล่านี้ล้วนสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความใส่ใจในทุกขั้นตอนของการทำงาน
ทรัพยากรบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญระดับมืออาชีพ
บริษัทให้ความสำคัญกับทรัพยากรบุคคลซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ ทีมงานของเราประกอบด้วยวิศวกรเฉพาะทางที่ทรงคุณวุฒิและมีประสบการณ์ รวมถึงบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถในหลากหลายสาขา เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน
นอกจากทีมงานที่เชี่ยวชาญแล้ว กลุ่มบริษัทยังมีความพร้อมในด้านเครื่องมือและเครื่องจักรที่ทันสมัย รวมถึงหน่วยงานสนับสนุนที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ทุกโครงการดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด ผลลัพธ์ที่ได้คือโครงการที่มีมาตรฐานระดับสากล และเป็นผลงานที่สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มบริษัทของเราพร้อมเดินหน้าสู่ความสำเร็จในทุกโครงการ ด้วยความเป็นมืออาชีพและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพงานอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนในวงการวิศวกรรมและการก่อสร้างของประเทศ การพัฒนาศักยภาพของทีมงานและการสร้างแรงจูงใจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ยั่งยืน สำหรับเรา “คน” เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุด และความท้าทายสำคัญอยู่ที่การผสานองค์ความรู้และประสบการณ์ของคนรุ่นใหญ่เข้ากับความคิดสร้างสรรค์และพลังแห่งการริเริ่มของคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างความสมดุลที่นำไปสู่ความสำเร็จ
การประสานความเชื่อและการผลักดันวิสัยทัศน์ หนึ่งในแนวทางสำคัญที่เราให้ความสำคัญคือการร่วมกันวาง Vision ที่ชัดเจนสำหรับทุกคนในองค์กร เพื่อสร้างความเข้าใจและประสานความเชื่อให้เป็นหนึ่งเดียว สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยกำหนดทิศทางการดำเนินงาน แต่ยังสร้างความผูกพันให้แก่ทุกคนในทีม การจัดโครงสร้างองค์กรใหม่ให้เหมาะสมกับเป้าหมายในอนาคตยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างดี
“เราเชื่อว่าความสำเร็จขององค์กรต้องมาจากการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการบริหารและการริเริ่มโครงการใหม่ ๆ การให้พื้นที่สำหรับการแสดงความคิดเห็นและทดลองไอเดียใหม่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและเพิ่มขีดความสามารถของทีมงาน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของในความสำเร็จขององค์กร”
เพราะฉะนั้น การบริหารคนในยุคปัจจุบันจึงไม่ใช่เพียงการควบคุมหรือมอบหมายงาน แต่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ เชื่อมโยงความคิด และเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางขององค์กรอย่างแท้จริง
กุญแจสู่ความสำเร็จและความยั่งยืน
Core Value บริษัทได้เติบโตมาเป็นสิ่งที่ผมยึดถือแต่เชื่อมั่นมาตลอดคือ
- Commitment สิ่งที่เราสัญญาไว้หรือตั้งใจก็จะพยามทำให้ดีที่สุด
- Integrity หลักศีลธรรม หลักวิชาและความถูกต้องเป็นเรื่องที่เราต้องยึดมั่น
- Value-People การให้ความสำคัญกับคนที่เราร่วมงานด้วย ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม
- Innovation การมุ่งพัฒนาในเรื่องใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้วยเทคโนโลยีหรือด้วยกระบวนการที่เคยทำอยู่แล้วให้ดีขึ้น
- Lifelong Learning การเรียนรู้พัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง
นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการที่เราสามารถเรียนรู้เก็บสะสมประสบการณ์และปัญญา ดำเนินชีวิตอย่างสมดุล เพื่อสามารถเป็นประโยชน์แก่คนอื่นได้ตามสมควร เป็นเรื่องที่สำคัญ
ปิยะดิษฐ์ ได้รับโอกาสในการเข้าไปช่วยทำงานในหลาย ๆ มิติไม่ว่าจะเป็นในฐานะอุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กรรมการหอการค้าไทย Board Member ของ IMET (มูลนิธิเพื่อสถาบันการศึกษาวิชาการจัดการแห่งประเทศไทย) ที่กำลังทำเรื่อง Mentoring และการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ อนุกรรมการในสภาวิศวกร และ เป็น Alternate Member ของ APEC Business Advisory Council ด้วยกำลังที่มี หวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดันให้สังคมเรา ประเทศเราดีขึ้น ช่วยส่งต่อโลกใบที่ดีขึ้นให้แก่คนรุ่นต่อไป
สิ่งที่อยากจะฝากไปถึงพี่น้องชาวอินทาเนีย
ในการทำงาน หรือแนวทางให้แก่น้อง ๆ นิสิตที่กำลังศึกษาอยู่ให้พร้อมออกไปสู่อนาคตอย่างไรบ้าง อย่างแรกคือต้องขอบคุณในความเป็นพี่เป็นน้องของชาวอินทาเนีย ที่ไม่ว่าหันไปทางไหนก็พบพี่น้องอินทาเนียทุกคนยิ้มแย้ม พร้อมช่วยเหลือ และให้คำแนะนำที่ดีต่อกัน แม้อาจจะไม่เคยรู้จักกัน ผมว่าเป็นความอบอุ่นที่ดีมาก ๆ
ทุกวันนี้การทำงานและสถานการณ์ของโลกก็ไม่ได้ง่ายเลย รวมทั้งความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ ที่เราจะต้องร่วมกันฝ่าฟันไป หวังว่าเราจะใช้โอกาสในการที่จะฝึกฝนตนเอง พัฒนาให้ดีขึ้นเพื่อจะช่วยกันผลักดันให้งานที่เรารับผิดชอบนั้น ออกมาอย่างดีที่สุด และเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาประเทศของเราให้เดินไปข้างหน้าด้วย
สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังศึกษาอยู่ผมเชื่อว่า การที่เราเปิดมุมมองว่าความเป็น Global Citizen เป็นเรื่องสำคัญ นอกจากที่จะมุ่งศึกษาสิ่งที่เรากำลังเรียนอยู่ให้ดี ฝึกฝนอดทน พัฒนา Craft ของเราให้ดี และมองใบรับรองเพื่อดูว่าโลกที่รอบ ๆ ตัวกำลังหมุนอย่างไร ทำอย่างไร แล้วเราจะเติมคุณค่ากับสิ่งที่เราชอบไปได้ตรงไหน
ที่มา: อินทาเนีย ฉบับที่ 4 ปี พ.ศ. 2567 คอลัมน์ สัมภาษณ์พิเศษ โดย กองบรรณาธิการ