เรามาถึงมิติสุดท้ายของ IDGs Inner Development Goals กันแล้วนะครับ ซึ่งจะบอกว่าเป็นมิติที่สำคัญที่สุดก็ไม่ผิดนัก เพราะเป็นการแปรทุกทักษะจาก 4 มิติก่อนหน้าให้เกิดผลออกมาเป็นรูปธรรมจริง ๆ ก่อให้เกิดประโยชน์หรือสร้างความสำเร็จให้เราได้จริง เพราะจาก 4 มิติก่อนหน้าแม้เราจะเตรียมจิต ฝึกใจ มุ่งคิด สร้างทีมมาอย่างดีเพียงใด แต่หากเราไม่ลงมือทำ สิ่งเหล่านั้นย่อมไร้ค่า ฉะนั้นเรามาปิดจ๊อบสร้างความสำเร็จตามแนวทางความยั่งยืนกันกับ 4 ทักษะในการ “ทำให้เป็น” กันนะครับ เริ่มจาก
Courage
ความกล้าหาญ นี่เป็นคุณสมบัติพื้นฐานแรกแห่งความสำเร็จ โดยเฉพาะหากสิ่งที่เรากำลังจะทำนั้นเป็นสิ่งใหม่ เพราะเป็นการแก้ปัญหาใหม่ หรือแก้ปัญหาเก่าด้วยวิธีใหม่ ทำให้ง่ายที่เราจะโดนดูหมิ่น ปรามาส หรือแม้แต่โดนหัวเราะเยาะ ดังนั้นเราจึงต้องการความกล้านี้เพื่อให้สามารถลงมือทำโดยไม่เอาความกลัวล้มเหลว เพราะไม่เคยมีใครทำหรือไม่มีใครกล้าทำมาหน่วงรั้ง ทั้งความกล้านี้ทำให้เราพร้อมที่จะรับความเสี่ยงและคว้าโอกาสที่ผู้อื่นอาจพลาดได้ นอกจากนี้ความกล้าหาญยังทำให้เราเพิ่มศรัทธาในตนเอง รู้ว่าเรากำลังเป็นผู้ควบคุมโชคชะตาของเราเอง
สำหรับ 6 วิธีการสร้างความกล้าหาญคือ
- การสะท้อนตนเอง การรู้จักตนเองโดยเฉพาะคุณค่าของตน
- เผชิญหน้ากับความกลัว พยายามทำสิ่งเล็ก ๆ เพื่อเอาชนะความกลัวเหล่านั้น ยิ่งเราเผชิญหน้าและเอาชนะความกลัวได้บ่อยเท่าไร เราจะยิ่งมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
- ค้นหาผู้ที่จะช่วยเสริมสร้างและให้กำลังใจ หาความสัมพันธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้บรรลุเป้าหมาย
- ให้รางวัลแก่ความสำเร็จ แม้จะเป็นชัยชนะเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจและแรงจูงใจของเราได้
- สร้างภาพความสำเร็จ นึกภาพเมื่อเราประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ชีวิตจะมีคุณค่าอย่างไร
- รับความเสี่ยง กล้าที่จะออกไปนอกพื้นที่ปลอดภัยเพื่อลองสิ่งใหม่ ๆ สิ่งนี้จะสร้างความยืดหยุ่นและให้ความแข็งแกร่งแก่เราในการรับมือกับอุปสรรคหรือความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นในชีวิต
สรุปการพัฒนาความกล้าหาญเป็นทักษะอันล้ำค่าที่สามารถช่วยให้เราเอาชนะอุปสรรค บรรลุเป้าหมาย และมีชีวิตที่คุ้มค่ามากขึ้น
Creation
ทักษะความคิดสร้างสรรค์ เป็นทักษะที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการงานต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีช่องว่างแล้ว การแข่งขันจึงแข่งกันที่ความคิดสร้างสรรค์ ที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การสร้างงานศิลปะหรือการเขียนนิยาย แต่เป็นในทุกสายงานวิชาชีพ ปัญหาคือเรามักรู้สึกว่าการสร้างสรรค์นี้เป็นเรื่องยาก ทั้งที่จริงเป็นทักษะที่ฝึกได้ไม่ลำบาก แต่ก่อนอื่นต้องเข้าใจความหมายก่อนว่า ความคิดสร้างสรรค์หมายถึงความสามารถในการสร้างแนวคิด และวิธีแก้ปัญหาใหม่ ฉะนั้นจะคิดสร้างสรรค์ได้จึงต้องเริ่มจากปัญหา ไม่ใช่การพยายามคิดอะไรแปลก ๆ เท่านั้น
สำหรับ 5 วิธีที่จะฝึกความคิดสร้างสรรค์คือ
- การรับความเสี่ยงที่จะมีความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการสร้างสรรค์ เราต้องเปิดรับความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นนั้น
- การคิดที่แตกต่าง ลองคิดหาวิธีแก้ปัญหาหลายทางสำหรับปัญหาเดียว อาจด้วยการให้ลองระดมสมองเพื่อหาไอเดียโดยไม่ต้องตัดสินในทันที
- ค้นสิ่งใหม่ จะช่วยจุดประกายความคิดใหม่ ๆ อ่าน ดู ฟัง ในสิ่งที่ไม่คุ้นเคยจะเปิดมุมมองใหม่ที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ได้
- ล้อมรอบตัวด้วยผู้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ เข้าไปอยู่ในกิจกรรมหรือท่ามกลางคนที่มีความคิดสร้างสรรค์
- ฝึกสติ สามารถช่วยทำลายรูปแบบเดิม ๆ และสร้างแรงบันดาลใจให้มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
สรุปความคิดสร้างสรรค์เป็นทักษะและเป็นทรัพย์สินอันล้ำค่าในทุกด้านของชีวิต มันทำให้เราไปสู่ศักยภาพสูงสุดได้
Optimist
ทักษะการมองในมุมบวก เป็นหนึ่งในทักษะที่มีค่าที่สุด เพราะมันช่วยให้เรายังคงมีแรงจูงใจแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และยังถือเป็นปัจจัยส่งเสริมให้การปฏิบัติภารกิจของเราสำเร็จลุล่วงได้โดยไม่ลำบากเกินจำเป็น ทั้งนี้การมองมุมบวกมิได้หมายถึงการหลอกตัวเอง แต่เป็นการฉลาดที่จะเลือกมองในมุมที่เป็นกำลังใจตามความเป็นจริง เพราะในทุกสถานการณ์ย่อมมีข้อดีอยู่เสมอ
สำหรับ 5 วิธีในการพัฒนาทักษะนี้คือ
- โฟกัสไปในเรื่องดี ๆ ของชีวิต ลองเขียน 3 สิ่งที่เรารู้สึกขอบคุณในทุก ๆ วัน การโฟกัสกับแง่บวกจะทำให้เราสามารถพัฒนาแนวทางชีวิตในด้านดีได้มากขึ้น
- ปรับเปลี่ยนรูปแบบความคิดเชิงลบ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะตกอยู่ในรูปแบบความคิดเชิงลบ ลองใช้มุมมองที่แตกต่างออกไปโดยบอกตัวเองว่า “แม้เราจะสอบตกแต่เราก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย เพื่อที่เราจะได้ทำได้ดียิ่งขึ้นในครั้งหน้า”
- ใช้เวลากับคนที่คิดบวก มุมมองชีวิตของเราได้รับผลกระทบอย่างมากจากคนที่เราเลือกที่จะใช้เวลาด้วย
- พักผ่อนอย่างพอเพียง เมื่อใดที่เหนื่อยล้าหรือเครียดให้พักผ่อนร่างกาย รวมถึงเรื่องอาหารการกินด้วย
- ฝึกฝนการพูดคุยกับตนเองในเชิงบวก ภาษาของเราส่งผลอย่างมากต่อทั้งอารมณ์และมุมมอง ใช้ภาษาในเชิงบวกแทนการตำหนิตนเอง
สรุปทักษะการมองบวกสามารถสร้างแรงบันดาลใจและเป็นกำลังให้เราก้าวต่อไปสู่ความสำเร็จได้
Perseverance
ความอุตสาหะนั้นสำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งที่ห่อหุ้มความฝันของเราให้ยังเดินทางต่อไปได้ ไม่ล้มเลิกเสียกลางคัน
ความอุตสาหะหมายถึงความสามารถของเราในการอดทนแม้จะมีอุปสรรคหรือประสบความพ่ายแพ้ มองเผิน ๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้วทักษะนี้มีค่าที่ประเมินไม่ได้ เพราะไม่มีงานใดจะราบรื่นสำเร็จตั้งแต่เริ่มทำ ทุกงานล้วนต้องอาศัยเวลาการเดินทางที่มีโอกาสผิดพลาดอยู่ตลอด หากไร้ซึ่งความอุตสาหะแล้วย่อมไม่มีทางที่จะไปถึง ความอุตสาหะจะช่วยให้เรามีสมาธิจดจ่อกับเป้าหมาย และเป็นพลังให้เราเอาชนะอุปสรรคที่ขวางทางอยู่
สำหรับ 6 วิธีพัฒนาทักษะความอุตสาหะคือ
- ตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง เพราะการตั้งเป้าหมายที่ไม่สมจริงหรือทะเยอทะยานเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงในการล้มเลิก ควรตั้งที่เป็นจริงแล้วค่อย ๆ ขยับขึ้น
- พัฒนาความคิดเชิงบวก การพูดกับตัวเองในเชิงบวกเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงความอุตสาหะ
- มุ่งเน้นไปที่กระบวนการ แทนที่จะมุ่งไปที่ผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว ให้มีความสุขในแต่ละขั้นตอนตลอดการเดินทาง ให้รางวัลกับชัยชนะระหว่างทาง
- ยอมรับความล้มเหลว ช่วยให้เราอยู่เหนือมันและก้าวต่อไปได้เร็วกว่าการพยายามต่อสู้กับมัน ยอมรับว่าความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางของชีวิต
- วินัย จัดกิจวัตรประจำวันที่สอดคล้องกับเป้าหมายแล้วรักษาวินัยนั้นให้เข้มแข็ง
- มองหาคนที่จะสนับสนุน จะช่วยเรื่องสมาธิและมีแรงจูงใจ
สรุปความอุตสาหะเป็นกุญแจสำคัญหากต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะทุกความสำเร็จไม่ได้มาจากพรสวรรค์แต่มาเพราะเราไม่ล้มเลิกเสียกลางคัน
สุดท้ายเราก็มาถึงจุดสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดของการเดินทางสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนกันแล้วนะครับ ที่อยากจะย้ำก่อนจากก็คือ วลีที่ผมได้จากการมีโอกาสเป็นคนไทยคนแรกที่เข้าร่วมงาน IDGs Summit ที่กรุงสต๊อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ซึ่งผู้จัดเขาปิดงานด้วยคำนี้ครับ
“End where we Begin”
จบในจุดที่เราเริ่มต้น ซึ่งก็คือ Inner Compass กลับไปประเมินว่าสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดมันได้ตอบคำถามสำคัญที่สุดนี้หรือยังลองตอบดูครับ “การมีอยู่ขององค์กรเรามีความจำเป็นใดต่อโลกใบนี้”
ที่มา: อินทาเนีย ฉบับที่ 2 ปี พ.ศ. 2568 คอลัมน์ ข้อคิดจากนิสิตเก่า โดย ดร.วีรณัฐ โรจนประภา (ดร.ใหม่) วศ.28 ESG / SDGs Business Consultant