เป็นการปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในโรงพยาบาลที่มีความจำเป็นในการรักษาผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ เช่น โควิด-19 หัด วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ เมอร์สซาร์ส
ปัจจุบัน โรงพยาบาลทุกโรงต้องปรับปรุงคุณภาพอากาศในห้องปฏิบัติการให้สอดคล้องกับมาตรฐานใหม่จึงมีความต้องการคำนวณแนะนำในการออกแบบ ติดตั้ง จากทาวิศวกร และบางกรณีต้องการความช่วยเหลือเรื่องการระดมทุน เพื่อให้โรงพยาบาลมีความพร้อม สามารถยกระดับการดูแลประชาชนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ประเทศชาติโดยรวม
การที่เราสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีเป็นสิ่งที่ดี แต่เราต้องรีบดำเนินการปรับปรุงห้องปฏิบัติการ เพราะโอกาสเกิดการระบาดนั้นยังคงมีอยู่และห้องปลอดเชื้อก็ยังคงมีประโยชน์ต่อไปแก่โรคอื่น ๆ เช่นกัน
วัตถุประสงค์
เพื่อออกแบบและปรับปรุงโรงพยาบาลเป็นห้องความดันลบ (Negative Pressure) และห้องปราศจากเชื้อ (Sterilized Air Room) โดยสามารถนำไปใช้งานเป็น
- ห้องผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (Patient under Investigation Room)
- หอผู้ป่วยแยกโรค (Cohort Ward)
- ห้องแยกผู้ป่วยติดเชื้อทางอากาศ (Airborne Infection Isolation Room)
- ห้องฉุกเฉิน (Emergency Room)
- ห้องผู้ป่วยวิกฤต (Intensive Care Unit)
ประโยชน์ที่ได้รับ
- ปรับปรุงพื้นที่ภายในโรงพยาบาลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ใช้สำหรับผู้ป่วยหรือผู้สงสัยว่ามีอาการจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
- เพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาลในการรับมือกับผู้ป่วยทางเดินหายใจคนอื่น ๆ
- ส่งเสริมอาชีพและสร้างงานให้แก่ผู้รับเหมาและแรงงานในพื้นที่
Q: ทราบได้อย่างไรว่าโรงพยาบาลขาดแคลนและต้องการอะไรบ้าง
A: ทีมนิสิตเก่าวิศวฯ จุฬาฯลงพื้นที่จริงเพื่อสำรวจความต้องการของโรงพยาบาลในพื้นที่โดยคัดเลือกโรงพยาบาลที่ขาดแคลนทรัพยากร และต้องการการสนับสนุนเรื่องการออกแบบมาเข้าร่วมโครงการ
Q: การปรับปรุงห้องใช้ได้เฉพาะกรณีโควิด-19 หรือไม่
A: ภายหลังการปรับปรุงห้องแล้วเสร็จ ทางโรงพยาบาลสามารถนำไปใช้ตามความต้องการ เพื่อรับมือกับผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ได้ โดยสามารถใช้เป็น
- ห้องผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (Patient Under Invertigation Room)
- ห้องแยกผู้ป่วยติดเชื้อทางเดินอากาศ (Airborne Infection Isolation Room)
- หอผู้ป่วยแยกโรค (Cohort Ward)
- ห้องฉุกเฉิน (Emergency Room)
- ห้องผู้ป่วยวิกฤต (Intensive Care Room)
- ห้องปฏิบัติการอื่น ๆ ตามความต้องการของโรงพยาบาล
Q: ทำไมจึงจำเพาะเจาะจงลงไปที่ภาคใต้
A: 1. พื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 4 จังหวัดชายแดนรวมถึงจังหวัดภูเก็ต มียอดผู้ติดโรคโควิด-19 เป็นลำดับต้น ๆ ของประเทศ
2. ประชาชนเดินทางเข้าด่านบริเวณที่ติดกับประเทศมาเลเซียจำนวนมากและต่อเนื่อง ทำให้การคัดกรองเป็นภาระหนักของเจ้าหน้าที่
3. งบประมาณการติดตั้ง เครื่องมือห้องตรวจ ห้องรักษา และวัสดุสิ้นเปลืองยังไม่สอดคล้องกับภารกิจ
Q: สามารถออกใบเสร็จเพื่อหักภาษีได้หรือและหักได้กี่เท่า
A: เป็นการบริจาคสนับสนุนโรงพยาบาลรัฐโดยตรง ซึ่งทางโรงพยาบาลจะดำเนินการออกใบเสร็จให้หลังจากจบโครงการ ทั้งนี้ผู้ประสงค์รับใบเสร็จเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของยอดบริจาคจริง สามารถแสดงความประสงค์ได้ในแบบฟอร์มการรับบริจาค โดยระบุชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์
Q: ใครเป็นผู้ก่อสร้างและผู้ควบคุมงาน
A: ออกแบบและคุมงานโดยทีมนิสิตเก่าวิศวฯ จุฬาฯ ภายใต้คำแนะนำของทีมวิศวฯ จุฬาฯ ที่มีประสบการณ์จากส่วนกลาง ก่อสร้างโดยช่างท้องถิ่นที่ผ่านการพิจารณาโดย Third Party
Q: ใช้มาตรฐานใดในการออกแบบห้องระบบมีประสิทธิภาพเพียงพอกับมาตรฐานทางการแพทย์ที่ต้องการหรือไม่
A: การออกแบบใช้มาตรฐาน ASHRAE Standard 170-Ventilation of Health Care Facilities และคู่มือปรับปรุงคุณภาพอากาศในโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก ซึ่งกำหนดให้มีการควบคุมงานที่เข้มงวด และการตรวจสอบก่อนการเดินเครื่อง โดยมีการตรวจวัดค่าต่าง ๆ หลังการติดตั้งแล้วเสร็จ และมีการนำ Third Party เข้าร่วมทวนสอบตามมาตรฐานสากล
Q: ค่าออกแบบและค่าก่อสร้างเป็นเงินเท่าไร ทางสมาคมฯ ช่วยสนับสนุนด้านใดบ้าง
A: โรงพยาบาลต่าง ๆ มีรายละเอียดแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพของโรงพยาบาลแต่ละโรงทางสมาคมฯ สนับสนุนงบประมาณส่วนแรก รวมถึงการระดมทุนจากนิสิตเก่า เพื่อเข้าดำเนินการ
Q: มีกำหนดการส่งมอบอย่างไร
A: โรงพยาบาลหัวหินเป็นโรงพยาบาลแรกที่คาดว่าจะแล้วเสร็จ โดยมีกำหนดการส่งมอบภายในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563
ร่วมบริจาคได้ที่
https://forms.gle/qydP94TPphcnwDD56
*ลดหย่อนภาษีได้
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คุณเสาวณีย์ วีระสวัสดิ์
Tel. 08-1297-0434
Email: saowanee.vee@gmail.com
Facebook Page: สมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Line ID: @intaniaalumni
ที่มา: อินทาเนีย ฉบับที่ 3 ปี พ.ศ. 2563 คอลัมน์ รอบรั้วจามจุรี โดย กองบรรณาธิการ