เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ศุภกฤต บุญขันธ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการแถลงผลงานโครงการประเมินและวิเคราะห์ความปลอดภัยทางถนนกรุงเทพมหานคร ด้วยมาตรฐานนานาชาติ (iRAP) โดยมี ไทภัทร ธนสมบัติกุล ผู้อํานวยการสำนักการจราจรและขนส่ง ศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์ ดร.เกษม ชูจารุกุล รองคณบดี และผู้จัดการศูนย์ความเป็นเลิศ ThaiRAP รองศาสตราจารย์ ดร.เสวกชัย ตั้งอร่ามวงศ์ ผู้ช่วยคณบดี คณะวิศวฯ จุฬาฯ ผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง ร่วมงานแถลงข่าว ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)
สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร ได้ร่วมมือกับหน่วยงาน ThaiRAP ภายใต้คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานแถลงผลงานโครงการประเมินและวิเคราะห์ความปลอดภัยทางถนนกรุงเทพมหานครด้วยมาตรฐานนานาชาติ (iRAP) โดยโครงการมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1. สร้างความรู้ความเข้าใจเกณฑ์การประเมินความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล (iRAP) ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
2. วิเคราะห์ลำดับความสำคัญของโครงข่ายถนนกรุงเทพมหานคร สำหรับวางแผนในการปรับปรุงความปลอดภัย
3. ศึกษาและประยุกต์ใช้ iRAP ในการประเมินโครงข่ายถนนในกรุงเทพมหานคร เพื่อออกแบบปรับปรุงความปลอดภัยบนถนนต้นแบบ
4. กำหนดกรอบแนวทางการยกระดับความปลอดภัยบนโครงข่ายถนนในกรุงเทพมหานครด้วยมาตรฐานสากล เพื่อให้บรรลุค่าเป้าหมายโลกด้านความปลอดภัยทางถนน
ผลลัพธ์ที่ได้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
1. ผลการประเมินระดับความปลอดภัย โครงข่ายถนนสายหลัก 500 กม. พร้อมทั้งมาตรการที่ต้องปรับปรุงเพื่อยกระดับความปลอดภัยให้ผ่านระดับความปลอดภัย 3 ดาว โดยพบว่าถนนที่ผ่าน 3 ดาวแยกตามกลุ่มผู้ใช้ทางอยู่ที่ร้อยละ 54 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ ร้อยละ 26 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 53 สำหรับกลุ่มคนเดินเท้าและร้อยละ 38 สำหรับกลุ่มผู้ใช้จักรยาน
2. ผลการประเมินระดับความปลอดภัยถนนนำร่องในพื้นที่ 50 เขต เขตละ 1 เส้นทาง พร้อมทั้งมาตรการเพิ่มระดับดาว (SRIP plan) และตำแหน่งการใช้มาตรการ โดยพบว่าถนนที่ผ่าน 3 ดาวแยกตามกลุ่มผู้ใช้ทางอยู่ที่ร้อยละ 60 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ ร้อยละ 40 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 36 สำหรับกลุ่มคนเดินเท้า และร้อยละ 58 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถจักรยาน
3. ผลการประเมินระดับความปลอดภัยถนนกรณีศึกษาวงแหวนรัชดา 50 กม. และแบบสำหรับปรับปรุงความปลอดภัยถนน (Conceptual Design) จัดทำแผนระยะสั้นและระยะยาว โดยพบว่าถนนที่ผ่าน 3 ดาวแยกตามกลุ่มผู้ใช้ทางอยู่ที่ร้อยละ 71 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ ร้อยละ 30 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 52 สำหรับกลุ่มคนเดินเท้า และร้อยละ 17 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถจักรยาน
ผลการศึกษาจากโครงการนี้ สามารถนำไปสู่แผนการในการยกระดับความปลอดภัยทางถนนโดยเน้น 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ การควบคุมความเร็วที่เหมาะสม โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นชุมชนหนาแน่น ด้วยการปรับความเร็วจำกัด และติดตั้งมาตรการสยบความเร็ว การป้องกันสิ่งอันตรายข้างทางตลอดแนวเส้นทาง ด้วยการกำจัดออกหรือติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันโดยเฉพาะ รวมถึงเพิ่มความปลอดภัยบริเวณทางแยกด้วยการจัดการช่องจราจร และปรับสัญญาณไฟจราจรให้ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทางทุกกลุ่ม นอกจากนี้ควรมีการปรับปรุงทางเท้าและทางข้ามให้ปลอดภัย โดยให้สอดคล้องกับกิจกรรมในพื้นที่ 2 ข้างทาง รวมทั้งปรับปรุงสัญลักษณ์จราจรบนพื้นทาง และป้ายจราจรให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และสามารถมองเห็นได้ชัดเจนในทุกสภาพการณ์ โดยการปรับปรุงถนนตามมาตรการต่าง ๆ อาจแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ มาตรการในระยะสั้น ประกอบด้วย การทาสี ตีเส้นจราจรเพื่อความชัดเจน การกำจัดสิ่งกีดขวางหรือบดบังการมองเห็น รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย จำพวกเสาล้มลุก หรือป้ายเตือนต่าง ๆ มาตรการระยะยาว ประกอบด้วย การติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยที่ใช้งบประมาณสูง หรือต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการดำเนินการ เช่น การติดตั้งทางม้าลายและสัญญาณไฟคนข้าม การติดตั้งราวกันอันตราย การปรับปรุงขยายทางเท้า และการสร้างเส้นทางสำหรับผู้ใช้จักรยาน เป็นต้น
หลักการและเหตุผลในการริเริ่มโครงการ
ประเทศไทยได้สนับสนุนต่อปฏิญญากรุงสตอกโฮล์ม ว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน (Stockholm Declaration) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดความสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนภายในปี 2030 ร้อยละ 50 สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร ตระหนักดีว่าการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจรจำเป็นต้องดำเนินการในหลายมิติ ตั้งแต่การจัดตั้งหน่วยงานรับผิดชอบหลักพร้อมสร้างความเข้มแข็งให้บุคลากรของกรุงเทพมหานคร การสืบค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ ทั้งปัญหาด้านกายภาพของถนนที่ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้รถใช้ถนน การประเมินและปรับปรุงความปลอดภัยทางถนนด้วยมาตรฐานนานาชาติ เป็นการเริ่มต้นปรับปรุงความปลอดภัยโครงข่ายถนนตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGS) และเป็นการตอบสนององค์การอนามัยโลก (WHO) ในการลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร “เดินทางดี ปลอดภัยดี” และเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่ได้กำหนดให้ปี พ.ศ. 2564 – 2573 เป็นทศวรรษความปลอดภัยทางถนน ระยะที่ 2 ต่อไป