วิกฤตพลังงานโลก

จากวิกฤตพลังงานโลก: ทราบแล้วเปลี่ยน สู่การบริโภคที่ยั่งยืน


รัชนัน ชำนาญหมอ1

ดร.ทักษิณา โพธิ์ใหญ่1

ดร.ณัฐวิญญ์ ชวเลิศพรศิยา1

ศาสตราจารย์ ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล2

1คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

2คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน


1. บทนำ

ปัจจุบัน ความเสี่ยงด้านการขาดแคลนแหล่งพลังงานประกอบกับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นวิกฤตการณ์ด้านพลังงานโลก (Global Energy Crisis) ที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องเผชิญหน้าทั้งในฝั่งอุปทานและฝั่งอุปสงค์ เหตุการณ์ดังกล่าวผลักดันให้ประเทศต้องเร่งเดินหน้าไปสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารจัดการพลังงานในระยะยาว หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านจากการใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล (Fossil fuel-based Energy) ไปเป็นพลังงานสะอาด (Clean Energy) ผ่านการใช้หลากหลายกลยุทธ์ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเพิ่มในพลังงานทดแทน (Increasing Renewable Energy Investments) การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Increasing Energy Efficiency) การปรับใช้กฎหมายหรือนโยบายด้านพลังงานให้มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น (Implementing Supportive Policy) หรือแม้แต่การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) การดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization, and Storage: CCUS) รวมไปถึงการพัฒนา
ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles: EVs) เป็นต้น

ทั้งนี้ วิกฤตการณ์ด้านพลังงานข้างต้นมีสาเหตุมาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ (1) การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ได้เริ่มเบาบางลง ส่งผลให้อุปสงค์ด้านพลังงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาอันสั้นเพื่อตอบสนองการกลับมาของภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่ง รวมไปถึงการดำรงชีวิตของภาคประชาชน (2) การชะลอการลงทุนในเชื้อเพลิงฟอสซิล อันเนื่องมาจากการประชุม COP26 อีกทั้งประเทศไทยยังได้ประกาศเป้าหมายในการไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี ค.ศ. 2050 และ ค.ศ. 2065 ตามลำดับ (3) การเปลี่ยนแปลงด้าน ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน เป็นเหตุการณ์ที่เปรียบเสมือนชนวนไปสู่สงครามทางเศรษฐกิจซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบการซื้อขายพลังงานของโลก และอาจพาเราเข้าไปสู่ระเบียบโลกแบบใหม่ (New World Order) ในอีกไม่ช้า และ (4) การดำเนินชีวิตแบบเดิมโดยมีความเชื่อว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติและดีขึ้น ทำให้การใช้พลังงานเกิดขึ้นอย่างสิ้นเปลืองและไม่รู้คุณค่า ดังนั้น การปรับเปลี่ยนกรอบความคิดและพฤติกรรม (Mindset and Behavioral Changes) ในระดับปัจเจกบุคคลจึงเป็นเหมือนแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพและมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น

2. บทบาทของฝั่งอุปทานและฝั่งอุปสงค์

แนวทางการดำเนินงานเพื่อเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของภาคพลังงานในปี ค.ศ. 2050
รูปที่ 1 แนวทางการดำเนินงานเพื่อเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของภาคพลังงานในปี ค.ศ. 2050

การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในปี ค.ศ. 2050 อาศัยความร่วมมือระหว่างฝั่งอุปทาน (Supply Side) และฝั่งอุปสงค์ (Demand Side) อันเป็นหัวใจหลักที่จะช่วยให้ภาคพลังงานสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยรวมได้อย่างมีนัยสำคัญ (เหลือประมาณ 70-100 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า) โดยมีแนวทางการดำเนินงานดังนี้

  • ฝั่งอุปทาน (จัดหาพลังงาน) ต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงเหลือประมาณ 35-40 ล้านตันคาร์บอนไซด์เทียบเท่า ด้วยการปรับเปลี่ยนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการผลิตไฟฟ้า ได้แก่ การใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy: RE) การลดการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นของระบบสายส่ง (Grid Modernization) เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าที่หลากหลายในอนาคตและเพิ่มการเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าระหว่างประเทศอย่างเหมาะสม
  • ฝั่งอุปสงค์ (ต้องการพลังงาน) ต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงเหลือประมาณ 35-60 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า ฝั่งอุปสงค์มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้พลังงานในการดำรงชีวิตและการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ดังนั้น หากเราในฐานะประชาชนชาวไทยร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานของตนเองอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้พลังงานถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคพลังงานได้มากถึงร้อยละ 50-65 ซึ่งจะช่วยให้ประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และสร้างการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงานไปสู่การใช้พลังงานสะอาดได้ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม

3. Last Mile กลไกสู่การเปลี่ยนแปลง

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สำหรับในภาวะวิกฤตพลังงาน การบูรณาการร่วมกันระหว่างภาคพลังงานและภาคประชาชนนับเป็นกุญแจสำคัญที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในวงกว้าง ซึ่งสามารถแบ่งการดำเนินงานออกเป็น
3 ระยะ แสดงดังรูปที่ 2

การบูรณาการระหว่างภาคพลังงานและภาคประชาสังคม
รูปที่ 2 การบูรณาการระหว่างภาคพลังงานและภาคประชาสังคม

Last Mile หรือ ไมล์สุดท้าย เป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้การประหยัดพลังงานเกิดขึ้นได้ในสังคม โดยส่งผลต่อเนื่องไปยังการควบคุมและบริหารจัดการปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในฝั่งอุปสงค์หรือฝั่งผู้ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศสามารถเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนได้อย่างทันท่วงที

กลไก Last Mile เกี่ยวข้องกับการสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าของทรัพยากร อันเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติในระดับปัจเจกบุคคล จนนำไปสู่การสร้างพฤติกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การประหยัดไฟ และการประหยัดน้ำมัน หากทุกภาคส่วนให้การสนับสนุนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ก็จะส่งผลให้ประชาชนสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และเป็นการช่วยประหยัดงบประมาณของประเทศได้มากถึง 150,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งงบประมาณดังกล่าวสามารถนำไปช่วยเหลือและเยียวยากลุ่มเปราะบางหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตพลังงาน รวมถึงการต่อยอดไปสู่การลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และแหล่งการดูดซับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมสีเขียว ลดมลพิษ และสร้างคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ผลลัพธ์เชิงบวกที่เกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่สอดคล้องกับ Last Mile
รูปที่ 3 ผลลัพธ์เชิงบวกที่เกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่สอดคล้องกับ Last Mile

จะเห็นได้ว่า Last Mile เป็นกลไกที่เชื่อมโยงไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคคล ซึ่งสามารถสร้างผลลัพธ์เชิงบวกได้อย่างเป็นรูปธรรมในหลากหลายมิติแสดงดังรูปที่ 3 ด้วยเหตุนี้ นานาประเทศทั่วโลกจึงกำลังตื่นตัวและนำกลไก Last Mile มาปรับใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญเพื่อรับมือกับวิกฤตพลังงาน พร้อมทั้งสร้างมาตรการต่าง ๆ ที่สอดคล้องเพื่อช่วยบรรเทาภาระของประชาชนและสร้างความมั่นคงแก่ประเทศชาติ

4. มาตรการรับมือวิกฤตพลังงานของต่างประเทศ

ปัจจุบัน หลากหลายประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญในการออกมาตรการเพื่อรับมือกับวิกฤตพลังงานทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อลดผลกระทบเชิงลบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในขณะที่ผลักดันให้เกิดการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีตัวอย่างมาตรการแสดงดังตารางที่ 1

ตารางที่ 1 มาตรการประหยัดพลังงานของต่างประเทศ  (อ้างอิงข้อมูลจากกองการต่างประเทศ)

ประเทศ มาตรการ
IEA

IEA

  • มาตรการ “Turbocharge” สำหรับกระตุ้นการอนุรักษ์พลังงานและเพื่อต่อสู้กับวิกฤตพลังงาน (จากการประชุม 7th Annual Global Conference on EE วันที่ 8 มิ.ย. 65 ประเทศเดนมาร์ก)
  • การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency: EE) เป็นทางออกที่ดีและจำเป็นที่สุดในเวลานี้ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในภาคพลังงาน ลดการปล่อย CO2 และเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน
  • ปรับเป้าหมายการลดค่าความเข้มข้นของการใช้พลังงาน (Energy Intensity: EI) ให้ท้าทายมากขึ้นอีก 4% ต่อปี จะช่วยลดการใช้พลังงานลง 277.8 ล้านเมกะวัตต์/ปี ภายในทศวรรษนี้ และลดการปล่อย CO2 5,000 ล้านตันต่อปี ภายใน ค.ศ. 2030
สหรัฐอเมริกา

USA

 

  • มาตรการประหยัดพลังงานสำหรับเตาเผาเชื้อเพลิงที่ใช้ก๊าซในที่พักอาศัย ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมากและประหยัดค่าใช้จ่ายด้านด้านพลังงานสำหรับกว่า 16 ล้านครัวเรือน ได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
  • กำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงต่อปีของเตาเผาก๊าซในครัวเรือนและรถในบ้านเคลื่อนที่ ที่ 95% ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคประมาณ 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และลดการปล่อย CO2 ประมาณ 373 ล้านตันต่อปี
  • การปรับปรุงมาตรฐานพลังงานสำหรับอุปกรณ์เตาเผาก๊าซและปั๊มความร้อนไฟฟ้า ซึ่งคิดเป็น 15% ของการใช้พลังงานในครัวเรือนของชาวสหรัฐฯ ส่งผลให้สามารถลดการปล่อย CO2 และก๊าซมีเทน อีกทั้งยังช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศให้ดีขึ้น และลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน
  • ประธานาธิบดีไบเดนได้เรียกร้องให้มีการออกกฎหมายการผลิตเพื่อการป้องกัน (Defense Production Act: DPA) เพื่อขยายการผลิตเทคโนโลยีพลังงานสะอาดสัญชาติอเมริกันที่สำคัญ จำนวน 5 ประเภท ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้สหรัฐฯ ลดการพึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากประเทศรัสเซีย และทำให้สามารถเพิ่มปริมาณการติดตั้งปั๊มความร้อนที่ผลิตขึ้นในสหรัฐฯ ในภาคครัวเรือนและอาคารให้มากขึ้น
จีน

จีน

  • คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมประสิทธิภาพพลังงานแห่งชาติจีนในวันที่ 13-19 มิ.ย. 65 เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

– นิทรรศการนำเสนอเกี่ยวกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงานของจีน แนวทางปฏิบัติในการประหยัดพลังงาน การส่งเสริมมาตรฐานและฉลากประหยัดพลังงาน ตลอดจนกิจกรรมการประหยัดพลังงานและการลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมหลัก

เปิดตัวกิจกรรมออนไลน์ เช่น การบรรยายเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน การนำเสนอวีดีโอเกี่ยวกับวิถีชีวิตคาร์บอนต่ำ เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมให้ผู้คนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงานและลดคาร์บอน

เนเธอร์แลนด์

เนเธอร์แลนด์

 

  • สนับสนุนการประหยัดพลังงานภายในประเทศ 1.5% ต่อปี เพื่อลดการปล่อย CO2
  • รณรงค์ให้ประชาชนใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ ปั๊มความร้อน และโซลาร์เซลล์
  • ร่วมมือกับภาคเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยตั้งเป้าหมายในการประหยัดพลังงานลง 50% ภายในปี ค.ศ. 2030
อิตาลี

อิตาลี

  • กำหนดให้ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25-27 องศาเซลเซียส ในช่วงฤดูร้อน
  • จำกัดการปรับอุณหภูมิเครื่องทำความร้อนไม่ให้เกิน 19-21 องศาเซลเซียสในช่วงฤดูหนาว
ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

  • มาตรการประหยัดพลังงานในภาคครัวเรือนและบริษัทต่าง ๆ ในช่วงฤดูร้อนที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด เพื่อบรรเทาวิกฤติไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้น โดยการปรับอุณภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 28 องศาเซลเซียส และปิดไฟเมื่อไม่จำเป็น
  • มาตรฐานใหม่สำหรับประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศในบ้านเรือนทุกประเภท โดยปรับปรุงให้มาตรฐานสูงขึ้นกว่าเดิมประมาณ 13–34.7%
ฟิลิปปินส์

ฟิลิปปินส์

  • กฎหมาย EE&C บังคับใช้มาตรการประหยัดพลังงาน
  • 34 บริษัท ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการด้าน EE (Energy Saving Company) และอาคารจำนวนกว่า 30,000 แห่ง จะต้องเข้าระบบการตรวจสอบและรายงานการใช้พลังงาน
  • กำหนดมาตรการให้หน่วยราชการลดการใช้พลังงานลง 10% และใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่เหมาะสม
อินเดีย

อินเดีย

 

  • ภาครัฐกำลังพิจารณาออกข้อกำหนดให้อาคาร/สิ่งปลูกสร้างสำหรับที่พักอาศัย มีการบังคับใช้ Building Energy Code ซึ่งส่งผลให้ประชาชนต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการลงทุนสร้างที่พักอาศัยประมาณ 2-3% แต่มีประมาณการว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและคุ้มทุนภายใน 4-5 ปี
ฝรั่งเศส

ฝรั่งเศส

  • เตรียมความพร้อมรองรับความต้องการในฤดูหนาว โดยเตรียมเชื้อเพลิงทั้งพลังงานหมุนเวียน ก๊าซ และมาตรการประหยัดพลังงานไปพร้อมกัน
  • อาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น ห้างสรรพสินค้า ลดการใช้พลังงานในช่วงที่ไฟฟ้าขาดแคลนและปรับไปใช้เวลา Off-peak โดยมีเป้าหมายจำกัดไม่ให้ค่าไฟสูงขึ้นเกินกว่า 4%
เยอรมนี

เยอรมนี

  • กำหนดใช้มาตรการ EE ในระบบทำความร้อนและภาคอาคารเพื่อลดการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย โดยให้การสนับสนุนทางการเงินเพื่อสร้างแรงจูงใจ
  • ภาครัฐหยุดการอุดหนุนโครงการที่ใช้ก๊าซทำความร้อนไม่เป็นไปตามมาตรฐาน “Efficiency House 40 Standard”
  • ดำเนินมาตรการอนุรักษ์พลังงานมุ่งเน้นเป้าหมายไปที่อาคารที่ใช้พลังงานสูงและมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานต่ำ
สเปน

สเปน

  • มาตรการประหยัดพลังงานในภาครัฐ อาทิ

– ลดการใช้พลังงานภาครัฐ 25% โดยใช้งบประมาณอุดหนุนจาก EU Covid-19 Recovery Fund จำนวน 1 billion USD เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานในอาคารภาครัฐ

– กำหนดให้เจ้าหน้าที่รัฐ ต้องเปิดแอร์อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส ในฤดูร้อน และใช้พัดลมควบคู่ในการทำความเย็นและเปิดฮีทเตอร์ที่อุณหภูมิต่ำกว่าหรือเท่ากับ 19 องศาเซลเซียส ในฤดูหนาว

– สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รัฐเดินทางโดยขนส่งสาธารณะ/ปั่นจักรยาน

– ปิดไฟสำนักงานให้เร็วขึ้น

สปป.ลาว

สปป.ลาว

  • ภาครัฐขอความร่วมมือประชาชน

– ประหยัดน้ำมันและลดการเดินทางที่ไม่จำเป็นเพื่อให้เหลือน้ำมันใช้ในภาคการเกษตรและภาคอื่น ๆ ที่จำเป็

– กำหนดมาตรการจำกัดการเติมน้ำมันในบางพื้นที่ เช่น แขวงคำม่วน ได้มีมาตรการให้ปั๊มน้ำมันเปิด 1-2 วัน/สัปดาห์ และจำกัดการเติมน้ำมัน 4 แสนกีบ/ครั้ง รถแทรกเตอร์ 20 ลิตร/ครั้ง

– แขวงอื่น ๆ เช่น สาละวิน เซกอง ได้ออกมาตรการจำกัดการใช้น้ำมันจำกัดไม่เกิน 2 แสนกีบ/ครั้ง

ในการนี้ ทางคณะผู้เขียนจึงอยากเชิญชวนพวกเราทุกคนให้หันมาตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของ Last Mile ที่จะนำไปสู่การสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นของประเทศไทย ผ่านการร่วมแรงร่วมใจกันประหยัดพลังงาน และเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้การออกแบบนโยบายและมาตรการที่เกี่ยวข้องเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้นในอนาคต

5. มาตรการรับมือวิกฤตพลังงานของประเทศไทย

สำหรับประเทศไทย กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และกระทรวงพลังงานมีการออกมาตรการเพื่ออนุรักษ์พลังงานพร้อมด้วยแผนการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม สามารถปรับใช้ได้ทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับปัจเจกบุคคล (ตารางที่ 2) ทั้งนี้ เพื่อสร้างกรอบแนวทางให้ประชาชนสามารถประหยัดไฟฟ้าและน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งให้ผลลัพธ์ดังนี้

  • หากภาคครัวเรือนร่วมมือกันประหยัดไฟฟ้าได้ 10% จะสามารถช่วยประเทศไทยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ ถึง 40,000 ล้านบาทต่อปี และหากร่วมมือกันทุกภาคส่วน จะสามารถช่วยประเทศประหยัดได้ถึง 150,000 ล้านบาทต่อปี
  • หากผู้ใช้รถยนต์สามารถดำเนินการตามวิธีประหยัดน้ำมันข้อ 1-9 ดังรูปที่ 5 จะสามารถประหยัดค่าน้ำมันได้ 1,437-2,657 บาทต่อเดือน หรือประหยัดได้สูงสุดรวม 5% และหากปรับเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า จะสามารถประหยัดเงินได้ถึง 3,730 บาทต่อเดือน

ตารางที่ 2 มาตรการประหยัดพลังงานของประเทศไทย (อ้างอิงข้อมูลจาก พพ.)

มาตรการประหยัดพลังงานของประเทศไทย
ประเทศไทย

ประเทศไทย

10 วิธี ประหยัดไฟ 10 วิธี ประหยัดน้ำมัน
1. เครื่องปรับอากาศ

– เพิ่มอุณหภูมิ 1 องศาเซลเซียส

– ตั้งเวลาเปิดก่อนตื่นนอน 15-30 นาที

– ล้างเครื่องปรับอากาศ 2 ครั้ง/ปี

(ประหยัดได้ 290 บาท คิดเป็น 6%)

2. เครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้า

– ปิดน้ำร้อนตอนฟอกสบู่

– เปิดใช้เท่าที่จำเป็น

(ประหยัดได้ 119 บาท คิดเป็น 2.5%)

3. กระติกน้ำร้อนไฟฟ้า

– ต้มน้ำเท่าที่จำเป็นและถอดปลั๊กหลังเลิกใช้งาน

(ประหยัดได้ 25 บาท คิดเป็น 0.5%)

4. หม้อหุงข้าว เตาไมโครเวฟ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์

– ถอดปลั๊กหลังเลิกใช้งาน

(ประหยัดได้ 11 บาท คิดเป็น 0.2%)

5. ตู้เย็น

– ไม่เปิดประตูตู้เย็นนาน/บ่อยเกินไป

– ไม่แช่ของแน่นตู้

(ประหยัดได้ 19 บาท คิดเป็น 0.4%)

6. พัดลมไฟฟ้า

– ปรับลดระดับความเร็วลง 1 ระดับ

– ถอดปลั๊กเมื่อเลิกใช้งาน

(ประหยัดได้ 18 บาท คิดเป็น 0.4%)

7. หลอดไฟฟ้าแสงสว่าง LED

– ปิดดวงที่ไม่จำเป็น 5%

(ประหยัดได้ 11 บาท คิดเป็น 0.2%)

8. เตารีดไฟฟ้า

– ถอดปลั๊กออกก่อนรีดเสร็จ 2 นาที

– ใช้ความร้อนที่เหลืออยู่

(ประหยัดได้ 11 บาท คิดเป็น 0.2%)

9. ปั๊มน้ำ

– ใช้น้ำอย่างประหยัดอย่างน้อย 10%

– ลดการทำงานปั๊มน้ำ

(ประหยัดได้ 11 บาท คิดเป็น 0.2%)

10. เครื่องซักผ้า

– รวมผ้าซักครั้งละมากๆ ตามขนาดเครื่อง

(ประหยัดได้ 11 บาท คิดเป็น 0.2%)

1. ขับรถด้วยความเร็วคงที่ (90 กม./ชม. ประหยัดน้ำมันมากที่สุด)

(ประหยัดได้ 3.7 ลิตร/เดือน คิดเป็น 140 บาท/เดือน ประหยัด 3%)

2. Work from Home สัปดาห์ละ 1-3 วัน

(ประหยัดได้ 17-50 ลิตร/เดือน คิดเป็น 660-1,880 บาท/เดือน ประหยัด 40%)

3. เน้นการใช้รถสาธารณะในวันหยุด (Car-free Sunday)

(ประหยัดได้ 7 ลิตร/เดือน คิดเป็น 260 บาท/เดือน ประหยัด 5.5%)

4. ไปธุระใกล้บ้านใช้จักรยาน

(ประหยัดได้ 1 ลิตร/เดือน คิดเป็น 37 บาท/เดือน ประหยัด 0.8%)

5. ไม่ขับก็ดับเครื่อง ไม่ติดเครื่องจอดรอนาน ๆ เพียงวันละ 5 นาที

(ประหยัดได้ 3 ลิตร/เดือน คิดเป็น 113 บาท/เดือน ประหยัด 2.4%)

6. ตรวจสอบเส้นทางก่อนเดินทาง ใช้ GPS ถึงที่หมายรวดเร็ว

(ประหยัดได้ 0.5 ลิตร/เดือน คิดเป็น 19 บาท/เดือน ประหยัด 0.4%)

7. ขับประหยัด ไม่เบรกบ่อย ไม่เร่งแรง ก่อนไฟแดง ชะลอความเร็ว

(ประหยัดได้ 12 ลิตร/เดือน คิดเป็น 45 บาท/เดือน ประหยัด 10%)

8. เติมลมยางอย่างเหมาะสมตามคู่มือรถ

(ประหยัดได้ 2.4 ลิตร/เดือน คิดเป็น 90 บาท/เดือน ประหยัด 1.9%)

9. หมั่นทำความสะอาดไส้กรองอากาศและเปลี่ยนตามกำหนด

(ประหยัดได้ 1.95 ลิตร/เดือน คิดเป็น 73 บาท/เดือน ประหยัด 1.6%)

10. ปรับเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า BEV

(คิดค่าไฟฟ้ารถ EV เฉลี่ย 0.65 บาท/กม. ใช้รถ 1,550 กม./เดือน คิดเป็น
ค่าไฟฟ้า 975 บาท ประหยัดลงเปรียบเทียบกับการใช้รถน้ำมัน
3,730 บาท)

มาตรการประหยัดไฟฟ้า 10 วิธี ของประเทศไทย
รูปที่ 4 มาตรการประหยัดไฟฟ้า 10 วิธี ของประเทศไทย
มาตรการประหยัดน้ำมัน 10 วิธี ของประเทศไทย
รูปที่ 5 มาตรการประหยัดน้ำมัน 10 วิธี ของประเทศไทย

6. บทสรุป

การรับมือกับวิกฤตพลังงานและการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนจำเป็นต้องอาศัยการสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ระดับแสดงดังรูปที่ 6 ได้แก่

  • การสร้างความตระหนัก (Awareness) เป็นขั้นแรกของการสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) และเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ทุกคนหันมาสนใจและให้ความสำคัญกับพลังงานและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสถานการณ์และผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
  • การเพิ่มเติมความรู้ (Knowledge) หลังจากที่ผู้คนเกิดความสนใจด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมแล้ว ก็ย่อมมีความพร้อมที่จะเปิดรับองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านั้น
  • การปรับเปลี่ยนทัศนคติ (Attitude) จะเกิดขึ้นเมื่อบุคคลนั้น ๆ มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประเด็นด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม จนนำไปสู่การปรับเปลี่ยนมุมมองและพฤติกรรมบางอย่าง
  • การสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ (Ownership) หลังจากที่บุคคลมีความตระหนัก มีความรู้ความเข้าใจ และมีทัศนคติที่ดีแล้ว ก็จะเกิดความรู้สึกร่วมในการเป็นเจ้าของพลังงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสามารถถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องไปสู่คนรอบข้างได้
การสร้างการมีส่วนร่วม 4 ระดับ (4 Levels of Engagement)
รูปที่ 6 การสร้างการมีส่วนร่วม 4 ระดับ (4 Levels of Engagement)

ทางคณะผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราทุกคนจะทราบแล้วเปลี่ยนและหันมาร่วมมือร่วมใจกันเพื่อเดินหน้าสู่การลงมือปฏิบัติหรือการดำเนินโครงการเพื่อรณรงค์การประหยัดพลังงาน ผ่านการสร้างความตระหนัก สร้างองค์ความรู้ จนนำไปสู่การปรับเปลี่ยนทัศนคติและความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมในทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพยากรพลังงาน โดยกระบวนการดังกล่าวจะกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระดับสังคมไปจนถึงระดับปัจเจกบุคคลให้รู้จักใช้พลังงานต่าง ๆ อย่างประหยัดมากขึ้นจนเกิดเป็นลักษณะนิสัย ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้ อีกทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณของประเทศเพื่อนำไปช่วยเหลือเยียวยากลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากภาวะวิกฤติพลังงาน นอกจากนี้ ยังสามารถนำงบประมาณข้างต้นไปสนับสนุนการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน การดูดซับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดการร่วมมือกันของทุกภาคส่วน (Collaboration) ที่จะร่วมปรับร่วมเปลี่ยนพฤติกรรมไปพร้อม ๆ กันบนพื้นฐานของทัศนคติและความรู้สึกที่ดี เพื่อสร้างผลลัพธ์ในการประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น รวมถึงช่วยกันสื่อสารและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องออกสู่วงกว้าง (Communication) เพื่อให้เกิดการสร้างคุณค่าร่วมกันของทุกคนในสังคม (Co-creation) ซึ่งจะต่อยอดไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน สร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจบนความยั่งยืนของสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งช่วยให้ประเทศสามารถเปลี่ยนผ่านสู่สังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ


เอกสารอ้างอิง

Biden Administration Proposes New Cost-saving Energy Efficiency Standards for Home Furnaces.

[ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก: https://www.energy.gov/articles/biden-administration-proposes-new-cost-saving-energy-efficiency-standards-home-furnaces

Central Government Promotes Energy Savings. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก:

https://www.government.nl/topics/renewable-energy/central-government-promotes-energy-savings

China Launches National Energy-saving Week. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก:

https://www.macaubusiness.com/china-launches-national-energy-saving-week/

Energy Conservation Norms May be Must for Residential Buildings. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก:

https://economictimes.indiatimes.com/industry/energy/power/energy-conservation-norms-may-be-must-for-residential-buildings/articleshow/90943985.cms

Energy Efficiency Policies to Enable Big Users to Practice Conservation. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก:

Energy efficiency policies to enable big users to practice conservation

Fostering Effective Energy Transition 2022. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก:

https://www.weforum.org/reports/fostering-effective-energy-transition-2022

France Prepares Measures to Avoid Power Shortfall This Winter. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก:

https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-06-01/france-prepares-measures-to-avoid-power-shortfall-this-winter

Germany Presents Energy Efficiency “Work Plan” to Reduce Fossil Fuel Demand. [ออนไลน์],
เข้าถึงได้จาก: https://www.cleanenergywire.org/news/germany-presents-energy-efficiency-work-plan-reduce-fossil-fuel-demand

Japan to Ask Households, Companies to Save Energy This Summer. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก:

https://www.reuters.com/business/energy/japan-ask-households-companies-save-energy-this-summer-2022-06-07/

Laos Government Advise Public Advised to Avoid Unnecessary Travel, to Save Fuel for
Agriculture. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก: https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2022/05/22/laos-government-advise-public-advised-to-avoid-unnecessary-travel-to-save-fuel-for-agriculture

Meeting of Ministers from Around the World can Turbocharge Energy Efficiency Progress to

Combat Energy Crisis and Meet Climate Goals. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก:

https://www.iea.org/news/meeting-of-ministers-from-around-the-world-can-turbocharge-energy-efficiency-progress-to-combat-energy-crisis-and-meet-climate-goals

New Energy Efficiency Standards Formulated for Home-use Air Conditioners. [ออนไลน์], เข้าถึงได้

จาก: https://www.meti.go.jp/english/press/2022/0531_002.html

Que Calor! Spain Tells Civil Servants to Limit Use of Air Conditioning. [ออนไลน์], เข้าถึงได้

https://www.reuters.com/business/energy/que-calor-spain-tells-civil-servants-limit-use-air-conditioning-2022-05-24/

The Global Energy Transition: How the World Sees It. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก:

https://energytracker.asia/what-is-energy-transition-an-ultimate-guide/

The Heat is On, Italy Plans to Turn Down Air Conditioning to Save Energy. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก:

https://www.reuters.com/business/energy/heat-is-italy-plans-turn-down-air-conditioning-save-energy-2022-04-20/

ดร.ณัฐวิญญ์ ชวเลิศพรศิยา ศาสตราจารย์ ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล และคณะ. (2562). เรื่องสิ่งแวดล้อมเรื่องของเรา.

สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น). กรุงเทพฯ

พลังงาน จัดกิจกรรมประหยัดพลังงานนำร่องหน่วยงานภาครัฐตั้งเป้าลด 20%. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก:

พลังงาน จัดกิจกรรมประหยัดพลังงานนำร่องหน่วยงานภาครัฐตั้งเป้าลด 20%

ปรับกระบวนทัศน์การพัฒนาเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของสังคมไทย. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก:

ปรับกระบวนทัศน์การพัฒนาเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของสังคมไทย

ไทยติด 60 อันดับแรก ด้านระบบพลังงานของประเทศต่อการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคต (ETI) ประจำปี 2020.

[ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก: https://globthailand.com/switzerland-02072020/


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save