ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์

ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ วศ.40 CEO หนุ่ม ผู้กุมบังเหียน MONO Next


ทราบหรือไม่ MONO29 เป็นช่อง Digital TV ที่มี Rating ติดอันดับ 3 ของประเทศไทย

วารสารอินทาเนียได้รับโอกาสเข้าสัมภาษณ์ คุณปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ณ สำนักงานของ บมจ. MONO Next ด้วยความตื่นตาตื่นใจกับพื้นที่ทำงานซึ่งเหมือนกับไปสำนักงาน Google สำนักงานปรับจากสนามบาสเกตบอลกว้างขวางเปิดโล่ง บรรยากาศสบาย ๆ ไม่เหมือนห้องทำงาน รายรอบด้วยห้องประชุมบนชั้นเหนือขึ้นไปที่ต่างก็มองเห็นกันได้แบบโปร่งใส นี่อาจเป็นวิสัยทัศน์และบุคลิกอันเปิดเผยของ CEO หนุ่มท่านนี้ ที่นำพาให้ MONO29 เป็นช่องฮิตติดอันดับแนวหน้าของประเทศไทย

เชื่อว่าบทสัมภาษณ์นี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นใหม่ และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้อ่านอย่างแน่นอน

ข้อด้อยของการสอบเทียบ กับความสำเร็จในชมรมวาทศิลป์…

ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ หรือบอย จบภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ รุ่น 81 เริ่มเข้าศึกษาในคณะวิศวฯ พ.ศ. 2540 โดยการสอบเทียบหลังจบมัธยมศึกษาตอนปลายปีที่ 5 จากโรงเรียนสวนกุหลาบ เพื่อสอบ Entrance เริ่มเรียนที่วิศวฯ การเรียนของผมตกต่ำลง เนื่องจากการสอบเทียบทำให้หลาย ๆ วิชาของผมไม่แน่นเหมือนคนอื่น จากเดิมที่ไม่เคยตกเลยในชีวิตก็เริ่มมีวิชาที่สอบตก แต่วิชาที่ยังคงได้เกรดดีเสมอมาคือภาษาอังกฤษกับวิชา Drawing ที่ได้เกรด A

“ตอนที่เรียนที่สวนกุหลาบตัวผมสนใจเกี่ยวกับเรื่องของการโต้วาทีและภาษาอังกฤษ แต่ตอนที่เรียนสวนกุหลาบมีกิจกรรมตอบปัญหาเป็นภาษาอังกฤษค่อนข้างเยอะ จึงไม่ได้ร่วมกิจกรรมโต้วาทีมากนัก พอได้เข้ามาเรียนที่คณะวิศวฯ จุฬาฯ เลือกเข้าร่วมกิจกรรมโต้วาที เพราะคิดว่าอยากจะลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำ”

กิจกรรมโต้วาทีของคณะวิศวฯ มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน และทีมคณะวิศวฯ ชนะการแข่งขันหลายต่อหลายครั้งติดต่อกัน ตอนที่ผมเข้าทีมโต้วาทีคณะ พี่ ๆ จริงจังมาก ติวหนักมาก บางครั้งเลิกตี 1 ตี 2 ในที่สุดปีนั้นเราชนะคณะรัฐศาสตร์ และได้ชิงแชมป์กับคณะอักษรศาสตร์และเราชนะทีมคณะอักษรศาสตร์ได้รางวัลชนะเลิศ การเข้าชมรมวาทศิลป์ ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ สำหรับผม…

ทำไมถึงเลือก “ภาควิชาคอมพิวเตอร์”

ตอนที่เลือกเข้าภาควิชานั้นมีความคิดว่า คอมพิวเตอร์เป็นเรื่องใหม่ในสมัยนั้น จึงเลือกที่จะเรียนภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ผมเลยคิดว่าถ้าเรียนอะไรที่เหมาะกับตัวเราคงจะดี จึงเลือกเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์

ซึ่งจะมีเข้าช็อปเพื่อทำการปฏิบัติ อย่างการกลึงเหล็ก เชื่อมโลหะ ผมไม่เคยทำและมีความรู้สึกว่านี่คืองานช่าง พอทำได้บ้างแต่ไม่ถนัด ตอนนั้นก็คิดว่าถ้าเอ็นท์ติดก็ขอติดภาควิชาคอมพิวเตอร์ซึ่งก็ติดจริง ๆ ครับ…

แต่พอเข้าภาควิชาคอมฯ แล้วจะต้องเขียนโปรแกรมเยอะมาก คิดโปรแกรมทันเพื่อน แต่พิมพ์ไม่ทันเพื่อนครับ ทักษะส่วนหนึ่งที่เราต้องใช้ในภาควิชาคอมฯ คือการพิมพ์ดีด ต้องพิมพ์โค้ดให้ได้เร็ว ช่วงที่เข้าไปก็มีการจับกลุ่มกับเพื่อน มีการแบ่งงานกัน เพื่อนเสร็จงานไปแล้ว 2 โปรแกรม ผมพึ่งเสร็จ 1 โปรแกรม ในตอนนั้นก็คิดขึ้นมาทันทีว่า การเข้าภาควิชาคอมฯ จะต้องไปเรียนพิมพ์ดีดใหม่ จึงได้มีการไปเรียนเสริมที่ห้องคอมพิวเตอร์ คณะวิศวฯ จุฬาฯ เป็นการเปิดเครื่องแล้วฝึกพิมพ์ดีดไปเรื่อย ๆ หลังจากภาคต่อไปนั้น ผมเริ่มพิมพ์ดีดเร็วเท่าเพื่อน ๆ แล้ว ทำให้รู้สึกโอเคไม่มีปัญหา

การทำงานร่วมกับเพื่อน ๆ นั้นสบายและสนุกมากขึ้น และตอนทำวิทยานิพนธ์จบผมเลือกทำเป็น Animation ในการนำเสนอให้แก่อาจารย์ และยังได้รับคำชมว่า ถ้าหากมีรางวัล เธอจะได้รับรางวัลนั้น และยังได้มีการถ่ายวิดีโอเก็บไว้เพื่อเป็นแบบอย่างให้รุ่นน้องอีกด้วย

MONO Next

จุดเริ่มต้นในการทำงานที่ MONO

ตอนจบมาช่วงนั้นภาควิชาคอมฯ กำลังมาแรง มีการ Open House จากบริษัทต่าง ๆ ถึงในคณะเลยเพื่อรับสมัครคน ถ้าจำไม่ผิดมีมากถึง 10 กว่าบริษัท ปรากฏว่ามีอยู่บริษัทหนึ่งที่มาด้วยความแปลกมากคือ MONO มาแนะนำว่าจะทำเกมออนไลน์

และด้วยที่ผมนั้นชอบเล่นเกม จึงรู้สึกว่าบริษัทนี้น่าจะเหมาะกับผม จึงทำการสมัครเข้าทำงาน บ้านผมอยู่ฝั่งธนฯ แต่บริษัทอยู่แจ้งวัฒนะ กว่าผมจะมาถึงออฟฟิศได้นั้น จะต้องนั่งรถเมล์มาท่าเรือ นั่งเรือข้ามมานั่ง BTS และต่อรถเมล์เพื่อมาทำงาน นั่นหมายความว่าผมต้องเดินทาง 4 ต่อ

ต้องขอเรียนตามตรงว่า ผมก็ได้มีการไปสัมภาษณ์งาน 5-6 แห่งเหมือนกัน แต่ด้วยที่ผมนั้นรู้สึกว่าที่ MONO ในตอนนั้นมีการออกแบบออฟฟิศเป็นสีลูกกวาดและดูเท่มาก ทำให้ผมรู้สึกประทับใจและตัดสินใจเข้าทำงานที่บริษัทสีลูกกวาดแห่งนี้

ทั้งนี้ตอนที่ผมได้สมัครที่นี้นั้น ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา (CEO ของโมโน ในขณะนั้น) ซึ่งจบจากคณะบัญชีฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เป็นผู้สัมภาษณ์และกล่าวไว้ว่า อยากจะได้วิศวฯ จุฬาฯ มาร่วมทำงานด้วย และท่านยังได้บอกอีกว่า ผมนั้นจบวิศวฯ จริง ๆ หรือ ทำไมหน้าตาเหมือนจบหมอมากกว่า…

ผมได้ทำงานที่แห่งนี้ การทำงานสนุกมาก จึงไม่คิดถึงเรื่องการเดินทางที่ต้องใช้เวลาในท้องถนนที่ไปกลับรวม ๆ แล้ว 3 ชั่วโมง แล้วบางทีต้องกลับบ้านดึก ผมก็ไม่ได้ไปกังวลอะไรถึงจุด ๆ นั้นเลย

จนกระทั่ง….

จุดเปลี่ยนชีวิตที่ไม่มีวันลืม

ชีวิตผมเปลี่ยนไปครับ…

รถตู้ที่ผมนั่งนั้นเกิดอุบัติเหตุบนทางด่วน รถเกิดพลิกคว่ำ ทุกคนในรถมีอาการบาดเจ็บ หัวแตก บางคนตาปูด ทุกคนได้รับบาดเจ็บหมดเลย ส่วนผมรู้สึกเจ็บ ๆ ท่อนบนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก แต่ท่อนล่างผมรู้สึกปวด ๆ พอก้มมาดูถึงบางอ้อเลยครับ ผมโดนเหล็กของเบาะนั่งเสียบเข้าไปครึ่งหนึ่งที่ขาด้านหลัง ทำให้ผมไปทำงานไม่ได้ประมาณ 3 เดือน ต้องอยู่โรงพยาบาลเพราะขาเดินไม่ได้

จากเหตุการณ์นั้นทำให้ทุกวันนี้ผมจำสภาพรอบข้างได้เร็วในพริบตา ผมกลายเป็นคนที่ชอบสังเกตและจำสถานที่โดยรอบได้แม่นยำเวลาไปเที่ยวหรือต้องไปทำงานนอกสถานที่จะสามารถจำได้เลยว่า เราอยู่ใกล้ร้านค้าตรงไหน ไปอีกไกลไหมจะถึงจุด ๆ นั้น

หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลเมื่อเวลาเดินทางมาทำงานพ่อแม่จะต้องมาส่งทำให้เสียเวลาในการทำงานของท่านทั้ง 2 ไปกว่าเดิม ผมเลยมีความคิดที่จะลาออก และหลังจากลาออกจะใช้เงินส่วนหนึ่งซื้อตั๋วเครื่องบินและไปเรียนต่อต่างประเทศและไปหาเงินข้างหน้า ทุกอย่างที่ผมคิดและคำนวณมานั้นผิดหมดเลยครับ พอมานั่งคิดใหม่ดี ๆ หากไปถึงสัปดาห์แรกก็ไม่มีเงินเหลือแล้ว โชคดีที่ คุณพิชญ์ โพธารามิก (ประธานของบริษัท โมโน ในขณะนั้น) เรียกคุยก่อนลาออกพอดี

คุณพิชญ์ ถามผมว่าจะไปไหน งานที่ทำผ่านมาแล้วประมาณ 1 ปีกว่า ๆ ผมนั้นทำงานได้ดีนะ เขาจึงให้ผมไปพัก และไปเรียน ทางคุณพิชญ์ จะให้ทุนการศึกษา หากสำเร็จการศึกษาแล้วก็กลับมาทำงานกับเขาต่อ

จึงเลือกเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย เรียนปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมซอฟต์แวร์และระบบ University of Technology, Sydney, Australia ตอนที่ไปเรียนผมก็ได้มีการทำงานเสริมควบคู่ไปด้วย คือทำงานที่ McDonald’s สาขาใกล้บ้านพักที่ออสเตรเลีย

ซึ่งการทำงานที่ McDonald’s นั้น คือต้องบอกว่าเป็นอะไรที่มีนัยสำคัญมากกว่าที่เราเห็นเยอะมาก อย่างตอนที่ผมทำเขามีการสอนให้เราคำนวณดูว่า ในแต่ละวัน ช่วงเวลานั้น จะต้องทำ Burger กี่ชิ้น ความเร็วต่อคนต้องทำเท่าไร การเดินในจุดนี้ไปอีกจุดหนึ่งในบริเวณร้านเร็วสุดคือเท่าไร

ไม่น่าเชื่อว่า การทำงานที่ McDonald’s จะทำให้เราได้รู้ว่าเขามีการ Management System บางอย่างที่เราควรที่จะรู้ไว้ ในทุกวันนี้เวลาผมสั่งงานก็นำระบบของ McDonald’s มาใช้ควบคู่ไปเหมือนกัน

กลับสู่บริษัทสีลูกกวาดอีกครั้ง…

พอเรียนจบก็กลับมาทำงานที่ MONO เช่นเดิม ซึ่งผมมานั่งในตำแหน่ง Head IT ช่วงนั้น Google กำลังเข้ามาเมืองไทย เป็นจังหวะที่ดีมาก และ Google พยายามที่จะติดต่อกับ Website หลาย ๆ แห่ง ซึ่งช่วงนั้นบริษัทเรามี MThai.com ที่ติดอันดับ TOP10

Google พยายามที่จะติดต่อมาที่บริษัทฯ 3-4 ครั้ง แต่ไม่มีใครสามารถคุยกับเขารู้เรื่อง พอหลังจากที่ผมกลับมาก็มีการโอนสายมาที่โต๊ะผม จึงติดต่องานกันสำเร็จไปได้ด้วยดี ทำให้ได้ทราบว่า ทาง Google พยายามที่จะติดต่อมาทางบริษัทฯ หลายครั้งแล้ว นี่จึงเป็นประโยชน์ของเราเรื่องแรกที่ได้มีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศและนำมาสร้างประโยชน์ให้แก่บริษัทได้

หลังจากนั้นยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงคือ MONO นั้นมีความต้องการคนในสายงาน Management และการเงินมากขึ้น ทางบริษัทฯ ได้บอกผมว่า ให้ผมไปเรียนสายการเงินเพิ่มได้ไหม จากนั้นผมจึงได้ลองสอบถามเพื่อน ๆ และเพื่อน ๆ แนะนำว่า MBA Young Executive Chula ขึ้นชื่อมาก

ทำให้ผมได้ลองศึกษาข้อมูลและข้อกำหนดต่าง ๆ เขาบอกว่าต้องมีประสบการณ์การทำงาน 3 ปี แต่ผมมีเพียง 2 ปี 8 เดือน ผมก็ลองยื่นใบสมัครไปก่อน ปรากฏว่ามีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์และได้เข้าศึกษาปริญญาโทบริหารธุรกิจ Young Executive จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

การเข้าไปเรียนของผมในครั้งนี้จึงเป็นประโยชน์ให้แก่ตัวผมและเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ๆ อีกด้วย…

ได้ทำงานร่วมกับผู้ก่อตั้งจัสมิน ดร.อดิศัย โพธารามิก

นี่เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนชีวิตของผมครั้งที่ 2 เลยก็ว่าได้ครับ ดร.อดิศัย โพธารามิก อยากได้คนรุ่นใหม่ ๆ ทำงานเว็บไซต์ทดลองส่วนตัวด้วย ชี้ตัวกันไปชี้ตัวกันมา ผลปรากฏว่าเป็นชื่อผม งานแรกท่านอยากให้ช่วยดูระบบคอมพิวเตอร์ส่วนหนึ่ง พอได้เข้าไปทำงานผมก็พยายามบอกวิธีการใหม่ ๆ และแนะนำให้ทดลองในแบบอื่น ๆ

ปัง!!! (เสียงตบโต๊ะ) “พวกคุณฟังบอยเขาพูด อย่าปิดบัง เราต้องพูดความจริงแบบนี้สิ” ดร.อดิศัย กล่าว

ผมได้ยินก็ตกใจมาก กับสถานการณ์ในตอนนั้น แต่ ดร.อดิศัย เขาต้องการคนที่ช่วยคิดและบอกตรง ๆ หลังจากนั้นก็ให้ผมไปชนหลายงาน ช่วงที่ผมเรียนและทำงานกับ ดร.อดิศัย ต้องขอเรียนตามตรงว่า น้ำหนักผมลดลงไป 5 กิโลกรัม พอมาถึงช่วงจังหวะหนึ่ง ดร.อดิศัย ได้เรียกผมไปคุยและได้บอกกับผมว่า…

“สิ่งที่ผมทำกับคุณ และถ้าคุณทำแบบนี้กับลูกน้องบ้าง ลูกน้องคนไหนที่ทนได้เท่ากับคุณแสดงว่า ลูกน้องคุณคือรับผิดชอบงานได้ดีเหมือนกัน”

และ ดร.อดิศัย ก็จะสอนและบอกสิ่งต่าง ๆ บางทีก็บอกว่าผมใจดีเกินไปและแบกงานเยอะเกินไป ต้องโอนงานให้คนอื่นบ้าง และจะสอนให้รักตัวเองบ้าง

สิ่งนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นจุดเปลี่ยนและเป็นจุดพลิกผันในชีวิตครับ เพราะว่า ดร.อดิศัย คือผู้ก่อตั้งบริษัท จัสมิน เป็นบุคคลยิ่งใหญ่ และเขาก็อยู่ตรงหน้าเรา สอนงานเรา ให้คำแนะนำเรา นี่จึงเป็นบทเรียนใหม่ ๆ ในชีวิตของผม

จากสายงานด้าน IT สู่สายประสานงานต่างประเทศ

ตำแหน่งงานก็เริ่มมาดูแลทางด้านฝ่ายขายโฆษณา การตลาด พอผมจบ MBA มาช่วงนั้นมีงานที่ต้องคุยกับต่างประเทศ ซึ่งได้มิตรภาพที่ดีกลับมา เจ้านายเขาอาจเล็งเห็นถึงข้อดีในส่วนนั้นเลยให้ผมทำงานกับคนมากขึ้น จึงได้มาดูในสายงานโฆษณา

คุณพิชญ์ นั้นมีความชื่นชอบทีมฟุตบอลสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล และอยากลองทำธุรกิจร่วมกับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลสักครั้ง ซึ่งจะเป็นการทำ Content SMS ข่าวสารลิเวอร์พูล วันหนึ่งก็มีสายโทรศัพท์มาที่โต๊ะผมบอกว่า “ติดต่อมาจากลิเวอร์พูล” (เป็นภาษาอังกฤษแต่สำเนียงไม่คุ้นเคย มารู้ตอนหลังว่าเป็นสำเนียง Scouser) ทางเขาก็แจ้งว่า ได้ติดต่อมาหลายครั้งแล้ว ไม่มีคนเข้าใจเขา ผมก็ตามงาน จนอีกสัปดาห์ถัดมาก็มีอีเมลส่งไปหาคุณพิชญ์ ว่า “ถ้า MONO จะร่วมงานกับทางสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลราบรื่น ต้องมีปฐมพงศ์” ผมจึงได้รับ Project นี้มาทำ การดำเนินงานราบรื่นดีครับ มีการบินไปอังกฤษเพื่อทำงานร่วมกับสโมสร

จากนั้นผมก็ได้รับหน้าที่ทั้งฝ่ายขายบ้าง ฝ่ายการตลาดบ้าง แล้วพอเข้าสู่ยุคที่โมโนประมูลได้ช่องทีวี Mono29 ผมก็ได้รับหน้าที่คุมงบซื้อหนังซีรีส์ คอยต่อรองสัญญาต่างประเทศ ผมมองว่าทุกอย่างที่ให้ผมทำนั้นก็คือบททดสอบอย่างหนึ่ง เจ้านายดูว่าผมนั้นจะสามารถเข้ากับงานต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายให้ทำได้ดีไหม เพราะถ้าตำแหน่งใหญ่ขึ้นจะต้องดูแลหลาย ๆ อย่าง พร้อมกับความคาดหวัง คือ MONO นั้นจะต้อง Go International…

ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์

การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของ MONO Next

โมโนฯ ก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2545 ในชื่อบริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) แล้วมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) ในช่วงเวลา
ต่อมา

ซึ่งทางโมโนฯได้เริ่มต้นด้วยการเป็น Content Provider สำหรับบริการเล่นเกม และโหวตรายการทีวีต่าง ๆ ผ่าน SMS ระบบโทรศัพท์มือถือ และต่อมาก็ได้พัฒนามาทำธุรกิจด้านสื่อและความบันเทิง (“Media and Content Conglomerate”) จนเราขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ

ต่อมาโมโนฯ ขยายธุรกิจบันเทิงและสื่อ ครอบคลุมทั้งสิ่งพิมพ์ ภาพยนตร์เพลง สื่อวิทยุ โชว์บิซ (แต่ปัจจุบันธุรกิจข้างต้นปิดตัวแล้ว ตามวัฏจักรของธุรกิจและพฤติกรรมผู้บริโภค) จนกระทั่งเราได้ประมูลทีวีดิจิทัล ช่อง Mono29 ก็ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น ปัจจุบันเรามีเรตติ้ง (ความนิยม) เป็นอันดับที่ 3 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Mono29 ฟรีทีวีที่มีหนังดี ซีรีส์ดัง มากที่สุด

เรามองเห็นว่า พฤติกรรมการชมคอนเทนต์บันเทิงเปลี่ยนไป ดูทีวีแล้วก็จะมีดูผ่านออนไลน์ด้วย และเป็นโอกาสที่เรามีธุรกิจ SVOD (Subscription Video-on-Demand) ชื่อ MonoMax ที่เก็บค่าบริการรายเดือน และมีซีรีส์เอเชียนมากมายให้รับชม โดยที่จะมีเรื่องดังๆ ออกอากาศทั้ง Mono29 และถ้าผู้ชมทนไม่ได้ที่จะดูต่อสัปดาห์หน้า ก็จะยอมจ่ายเงินดูหลายๆ ตอนทาง MonoMax

หลังจากที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุค ใน พ.ศ. 2563 ผมได้เลื่อนขั้นเป็น CEO และทางโมโนเองก็ปรับโครงสร้าง เปลี่ยนวิธีการบริหารแบบใหม่ๆ ทันสมัยขึ้น และเปลี่ยนชื่อกลุ่มบริษัทอย่างเป็นทางการว่า Mono Next

บุคลากรเป็นสิ่งสำคัญในองค์กร ที่ไม่ควรหยุดพัฒนา

ด้านทรัพยากรบุคคล จะมีทั้งในแง่ของพฤติกรรมและด้านกระบวนการซึ่งต้องเรียนว่า ด้วยความเป็นบริษัทมหาชน เราเป็นบริษัทที่โปร่งใส-ต่อต้านทุจริต เพราะฉะนั้นในส่วนนี้เราได้จัดการขั้นตอนทุกอย่างตามที่บริษัทมหาชนควรจะทำตามกฎระเบียบอย่างครอบคลุม ในขณะเดียวกันตัวของพวกเรา ตั้งแต่ระดับผู้บริหารลงไป ตลอดจนจากเด็ก ๆ ขึ้นมาก็ต้องเข้าใจคำว่าโปร่งใสต่อต้านทุจริต ซึ่งบริษัทพยายามที่จะสื่อสารออกไปให้แก่ทุกคน

สิ่งที่น่าสนใจของพนักงานรุ่นใหม่ ๆ คือ ไม่ค่อยชอบให้มีกฎเกณฑ์มาบังคับ เพราะฉะนั้นในบทบาทของผู้บริหารจึงต้องปรับวิธีการนำเสนอให้เป็นในมุมของความท้าทาย หรือในรูปแบบเกม เพื่อให้เข้าถึงพนักงานทุกระดับ

“เราต้องให้เขาสนุก ให้เขาเข้าถึง ให้เขาฝังลงไป โดยที่ไม่ต้องบอกว่านี่คือข้อบังคับ จะเป็นในเชิงการแนะนำว่า มันจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า ถ้าคุณได้รับจะอธิบายแบบนั้นมากกว่าเพื่อให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการสื่อสารกับเขา”

นอกจากนี้ ยังมีการมองไปถึงเรื่องของการ Up Skill การเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้ทุกคนไม่ย่ำอยู่กับที่ ผมจะมีคำถามกับเด็ก ๆ เสมอว่า ที่ผ่านมา 2-3 ปี คุณได้รับความท้าทายอะไรบ้างในการทำงาน ถ้าเราไม่รู้สึกว่าสิ่งที่ทำนั้นมีความท้าทายหรือสนุกกับงาน จะต้องมีการปรึกษากับหัวหน้า เพราะผมไม่อยากให้พนักงานย่ำอยู่กับที่…

ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนได้เรียนรู้เพิ่มโดยจัดเป็นคอร์สการอบรม ซึ่งผมเองเป็นส่วนหนึ่งในการเทรนให้แก่เด็ก ๆ ด้วยในหลาย ๆ หัวข้อ ซึ่งช่วง Work from Home ที่ผ่านมาก็จะใช้ผ่านออนไลน์ จัดทำเทรนนิ่งง่าย ๆ โดยใช้การแชร์เรื่องราว หรือคำถามที่สงสัยที่อยากรู้เข้ามา ผมก็จะรวบรวมประเด็นมาตอบคำถาม รวมไปถึงการทำคลิปสอนต่าง ๆ ที่ช่วยพัฒนาเรื่องของความคิด แรงบันดาลใจ หรือการพัฒนาทักษะทางด้านภาษา ซึ่งผมก็จะอัดคลิปเข้ามาเป็นตอน ๆ เหมือนเป็นกึ่ง YouTuber ประจำบริษัทไปด้วย

ท้ายนี้ ทางกองบรรณาธิการต้องขอขอบคุณที่ได้รับเกียรติให้เข้าไปดูส่วนผลิตรายการ ได้เห็น Studio ที่นับได้ว่าทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ได้รับทราบถึงทิศทางการก้าวไปข้างหน้าของ MONO ที่น่าตื่นเต้น สถานที่และบรรยากาศโดยรอบที่มีพื้นที่ให้พนักงานได้ใช้ทั้งทำงานและพักผ่อน มีห้องFitness หรือแม้แต่ร้านค้า ร้านอาหารเพื่อความสะดวกของพนักงาน จึงขอแสดงความชื่นชมมา ณ ที่นี้ด้วย


ที่มา: อินทาเนีย ฉบับที่ 3 ปี พ.ศ. 2565 คอลัมน์ สัมภาษณ์พิเศษ โดย กองบรรณาธิการ


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save